https://www.matichon.co.th/news/
นายกฯ บินปัตตานี เปิดงานชุมนุมลูกเสือ จชต. ขอให้ช่วยกันบำเพ็ญประโยชน์ ทำความดีเพื่อชาติ เทิดทูนสถาบัน
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 4 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ด้วยเครื่องบิน C – 130 จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อเปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 7 เมษายน เพื่อเป็นกิจกรรมแสดงออกถึงความจงรักภักดีของลูกเสือต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เทิดพระเกียรติพระบรมราชจักรีวงศ์ และแสดงความพร้อมศักยภาพของลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงเพื่อส่งเสริมให้ลูกเสือทำความดีมีจิตอาสา มีความสามัคคีอยู่ร่วมในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข ที่สนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานี ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
เวลา 09.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานี โดยกิจกรรมดังกล่าวมีลูกเสือเข้าร่วมงานกว่า 4,000 คน ทั้งนี้เมื่อมาถึงนายกฯเปิดกรวยดอกไม้สักการะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และรับฟังการกล่าวรายงานจากผู้บังคับการค่ายงานชุมนุมฯ ผู้บังคับบัญชาลูกเสืออาวุโส นำลูกเสือกล่าวคำปฏิญาณ จากนั้นนายกฯกล่าวเปิดงานชุมนุมลูกเสือฯ ว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 “ลูกเสือรวมพลัง ทำความดี รู้รักสามัคคี เทิดทูนสถาบัน เชื่อมสัมพันธ์สู่อาเซียน” ในวันนี้ กิจการลูกเสือและเนตรนารีนั้น ถือว่าเป็นกิจกรรมด้านการศึกษาที่มีเกียรติและเป็นที่ยอมรับในสังคมโลกว่า ลูกเสือเป็นผู้มีระเบียบวินัยมีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีกฎเกณฑ์และยินดีช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ โดยลูกเสือทุกคนจะยึดถือคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือเป็นแนวปฏิบัติอย่างมีเกียรติ ลูกเสือมีหน้าที่อันหลากหลาย ได้แก่ หน้าที่ต่อชาติ ลูกเสือจะต้องรู้รักสามัคคี และช่วยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาให้แก่ราชการต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติทุกรูปแบบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ต่อศาสนา ไม่ว่าลูกเสือจะนับถือศาสนาใดๆ ขอให้ระลึกและเข้าใจว่าทุกศาสนาต่างก็มีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือ สอนให้บุคคลเป็นคนดี ได้แก่ การละเว้นความชั่ว กระทำความดี และทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ หน้าที่ต่อพระมหากษัตริย์ การแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่อันสำคัญของลูกเสือทุกคน ต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพรัก และเทิดทูนอย่างสูงสุดของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ หน้าที่ด้านการช่วยเหลือผู้อื่น การบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นหลักสำคัญประการหนึ่งของลูกเสือ ที่ได้รับการยกย่องจากประชาชนทั่วไป ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องคือ ผู้ปกครอง และผู้กำกับลูกเสือควรหาโอกาสให้ลูกเสือได้บำเพ็ญประโยชน์ โดยเริ่มจากเรื่องที่ใกล้ตัวก่อน เช่น ที่บ้าน ควรส่งเสริมให้เด็กทำงานในบ้าน ช่วยเหลือพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว อันเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีให้แก่เด็ก ที่โรงเรียนหรือชุมชน ควรส่งเสริมให้เด็กได้ทำงานอันเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ต่อโรงเรียน และชุมนุมให้มากที่สุด โดยสอนให้ลูกเสือตระหนักว่างานเป็นสิ่งที่มีเกียรติ งานเท่านั้นเป็นเครื่องวัดคุณค่าของคน
นายกฯ กล่าวว่า งานชุมนุมลูกเสือในครั้งนี้ นอกจากจะมีลูกเสือเนตรนารีจากภูมิภาคต่างๆ ของไทยแล้ว ยังมีลูกเสือจากประเทศเพื่อนบ้าน และลูกเสือจากต่างประเทศมาร่วมงานด้วย จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้ศึกษาขนบธรรมเนียม ประเพณีของเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างกัน ได้เชื่อมความสัมพันธ์อันดี ตลอดจนได้มีโอกาสแสดงถึงไมตรีจิตของคนไทย จึงขอให้แสดงออกถึงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แสดงออกให้ประเทศเพื่อนบ้านเราได้เห็นว่า คนไทยมีอัธยาศัยดี มีความจริงใจ และมีความพร้อมที่จะจับมือกันพัฒนาความก้าวหน้าไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จากนั้น นายกฯได้เดินพบปะลูกเสือแต่ละค่ายย่อย พร้อมกล่าวว่า ทุกคนที่มาวันนี้เป็นเพื่อนของเราทั้งสิ้น วันหน้าทุกคนโตขึ้นหลายคนอาจจะรับราชการ หลายคนเป็นนายกฯ เป็นประธานาธิบดี รู้จักกันวันนี้เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในวันหน้า ขณะเดียวกันนายกฯยังได้พูดคุยกับเด็กๆที่ร่วมโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมระบุว่าให้เด็กๆเร่งทำสถิติ ตนได้สั่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้นำคนเก่งไปแข่งกับทีมชาติ ก่อนจะไปแข่งในต่างประเทศ ทั้งนี้ทุกคนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศชาติทั้งหมด ไม่ใช่นายกฯคนเดียว เราต้องไปด้วยกันทั้งพหุพาคี ต่างศาสนาอยู่ด้วยกันได้หมด ทำให้เป็นโลกแห่งสันติสุข
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม จากหน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ประธานสภาอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยนายกฯ กล่าวเริ่มการประชุมว่า จังหวัดปัตตานีถือว่ามีศักยภาพเชื่อมโยง 5 จังหวัดชายแดน การประชุมวันนี้เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการ เอกชนในพื้นที่ รวมถึงภาคธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมทั้งหมด ทุกคนต้องช่วยกัน ต้องเข้มแข็งพัฒนาภาคใต้ให้เป็นสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาก็มีหลายกิจกรรมที่เราทำขึ้นมาใหม่ เช่นการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น และหลายๆเรื่องที่ช้าอยู่เราจะรับฟังปัญหาและอุปสรรคในวันนี้