เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 17 มกราคม จากกรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ตกเป็นผู้ต้องขังในคดีขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2548 ก่อนได้รับอภัยโทษ เมื่อปี 2558 ออกร้องเรียนความยุติธรรม โดยอ้างว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ต้องหา ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีใหม่ ศาลจังหวัดนครพนมเป็นศาลชั้นต้น นัดสอบปากคำเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา

ล่าสุด พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผช.ผบ.ตร. ได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับคดีครูจอมทรัพย์มาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ปิดห้องประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า มาในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลตำรวจภูธรภาค 4 เท่าที่ฟัง พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์โหน่ง อดีตพนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมสำนวน ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ โดยขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากในคำร้องของครูจอมทรัพย์มีข้อพิรุธ ทางพนักงานสอบสวนสงสัยว่าจู่ๆ ทำไมมาขอรื้อฟื้นคดีตอนนี้ ด้วยการกล่าวอ้างถึงรถยนต์คันที่เกิดการเฉี่ยวชน จนมีผู้เสียชีวิตนั้น เป็นคนละคันกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์นี้มีการเชื่อมโยงกับกระบวนการรับจ้างติดคุกด้วยหรือไม่ ผช.ผบ.ตร.กล่าวว่า รอคณะกรรมการสอบสวนให้เสร็จก่อน พร้อมกันนี้ ขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนในกรณีการนำเสนอข่าว ควรจะมองให้ครบทุกประเด็น แค่มีคนมาร้องว่าไม่ใช่คนผิด ก็กล่าวหาว่า ตำรวจจับแพะแล้ว ควรมองด้วยความเป็นธรรม เสนอข่าวให้รอบคอบ หากตำรวจผิดจริง จะต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา ส่วนจะมีการเรียกตัวนายสับ วาปี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริงนั้น คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ต้องการสอบปากคำก็จะเชิญตัวมา

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ธีฑัต อิ่มทั่ว รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนที่ตั้งขึ้น มีทั้งหมด 8 นาย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นความลับของทางราชการ