พนง.เอ็กซเรย์สัมภาระสุวรรณภูมิ300คน ประท้วงขอเพิ่มเงินเดือน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
  • ภาพ
  • พนง.เอ็กซเรย์สัมภาระ,สุวรรณภูมิ,300คน, ประท้วง,ขอเพิ่มเงินเดือน,หยุดงาน,
    พนง.เอ็กซเรย์สัมภาระสุวรรณภูมิ300คน ประท้วงขอเพิ่มเงินเดือน
พนักงานเอ็กซเรย์สัมภาระสุวรรณภูมิกว่า 300 คน หยุดทำงานประท้วงขอเพิ่มเงินเดือน

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณหน้าคอนคอร์ด เอ พนักงานรักษาความปลอดภัยหน่วยงานเอ็กซเรย์ ของบริษัท AMS (พนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัย เอเอสเอ็ม แมเนจเมน จำกัด) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ล๊อกซเล่ย์ใหญ่ กว่า 300 คนได้ร่วมตัวกันหยุดปฏิบัติหน้าที่ประท้วง ยืนหนังสือเรียกร้องต่อผู้จัดการฝ่ายธุระกิจการบิน เรียกร้องให้ปรับอัตราเงินเดือนรวมถึงสิทธิ์ต่างๆของพนักงาน จากฐานเงินเดือนเดิม 9 พันบาท ให้จ่ายเป็นเดือนละ 9,300 บาท  ก่อนแล้วค่อยนำมารวมกับค่าทักษะ และค่อยบวกเปอร์เซนของแต่ละปี ในกรณีรายวันก็เช่นกัน และค่าล่วงเวลา 3 ชั่งโมง รายเดือนขอให้คิดต่อเดือน ส่วนรายวันคิดตามรายวันปกติ โบนัสปีละ 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ และการทำโอทีวันหยุด ค่าควงเวร และบายเวร ได้ค่าแรงตามเดิม คือ 1 พันบาท โดยไม่มีการหักค่าใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงการใช้พักร้อน Extar รายเดือนต้องได้ 12 ชั่งโมง ส่วนรายวันได้ตามอัตราค่าจ้างรายต่อวันเช่นกันและควรมีค่ากะให้พนักงาน ส่วนพนักงานรายวันเมื่อมีอายุครบหนึ่งปีสมควรจะได้รับการบรรจุ มีเงินกองทุนเลี้ยงชีพสำรอง  พนักงานรายวันที่ทำงานครบสี่เดือน ควรได้รับค่าเดินทาง และสุดท้ายพนักงานรายวันที่ทำงานครบสี่เดือน ควรได้รับค่าเดินทางด้วยเช่นกัน

โดยได้รับการเปิดเผยจากหนึ่งในพนักงานที่ร่วมประท้วง เปิดเผยว่า ในการที่พนักงานรวมตัวประท้วงในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ทางบริษัทไม่ปรับตามกฎหมายประกาศ จากเดิมจ่ายเดือนละ 9 พันบาท แต่ตามกฎหมายใหม่ให้จ่ายเพิ่มอีกวันละ 10 บาท ตกเดือนละ 300 บาท แต่ทางบริษัทกลับเอาค่าทักษะที่พนักงานเคยได้อยู่แล้วมารวมกับเงินเดือน ซึ่งค่าทักษะปกติทางบริษัทเคยจ่ายให้ต่ำสุดเดือนละ 750 บาท เอามาร่วมกับเงินเดือนตกเดือนละ 9,750 บาท เงินที่เราควรได้เขากับเอามารวมกับเงินเดือน ซึ่งค่าทักษะเป็นเงินค่าความสามารถของพนักงานเอ็กซเรย์ที่นั่งดูจอเป็นค่าความรู้ของพนักงาน และอีกหลายเรื่องที่เรายื่นขอเสนอให้ทางบริษัทพิจารณา แต่ขณะนี้การเจรจายังไม่เป็นผล

ผลกระทบจากการรวมตัวหยุดปฎิบัติหน้าที่ประท้วงของพนักงานเอ็กซเรย์ ทำให้ผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการต่างพากันหวั่นวิตกและเกิดการสับสนว่าตนเองจะได้ขึ้นเครื่องหรือไม่ ขณะเดียวกันทางด้านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังเกิดเหตุได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานจากสนามบินดินเมือง เข้ามาปฎิบัติหน้าที่แทน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่จะขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และในเวลาต่อมา คุณกาญจน์ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็ม แมเนจเมน จำกัด ได้ลงมาเจราจาแต่ไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากที่บริษัทเห็นว่าพนักงานเรียกร้องมากเกินไป พร้อมทั้งแจ้งว่าหากพนักงานคนไหนยังอยากทำงานกับบริษัทอยู่ ให้ไปลงชื่อเข้าทำงานต่อ แต่ปรากฏว่ามีพนักงานบางส่วนเทานั้นที่ยอมไปลงชื่อ จนกระทั่งในเวลาเที่ยงคืนพนักงานที่ประท้วงทั้งหมดได้พากันแยกย้ายเดินทางกลับและนัดรวมตัวกันในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง

ขณะที่นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นมาได้ 2-3 วันแล้ว โดยพนักงานเอกซเรย์กระเป๋าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะทำงานเป็นผลัด แบ่งเป็นวันละ 2 ผลัด ผลัดละ 300 คน เบื้องต้นทางบริษัทเอเอสเอ็มแจ้งว่าสาเหตุที่พนักงานบางส่วนหยุดงานเนื่องจากไม่พอใจบริษัทเรื่องอัตราเงินเดือน โดยแนวทางแก้ไขในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา คือ การให้เจ้าหน้าที่เอกซเรย์จากท่าอากาศยานดอนเมืองมาเข้าเวรแทน รวมทั้งให้พนักงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำงานล่วงเวลา (โอที) ส่วนแนวทางแก้ไขของวันพรุ่งนี้นั้น จะนำพนักงานเอกซเรย์จากท่าอากาศยานภูเก็ตจำนวน 40 คนมาช่วยงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ บริษัท เอเอสเอ็ม อยู่ระหว่างฝึกพนักงานใหม่อีก 150 คนซึ่งสิ้นเดือน กุมภาพันธ์ นี้จะสามารถทำงานได้

ส่วนแนวทางแก้ไขในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นั้น จะนำพนักงานเอกซเรย์จากท่าอากาศยานภูเก็ต จำนวน 40 คนมาช่วยงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนี้บริษัท เอเอสเอ็ม อยู่ระหว่างฝึกพนักงานใหม่อีก 150 คน ซึ่งสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะสามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตามการหยุดงานของพนักงานเอ็กซเรย์กระเป๋า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการภายในสนามบิน เนื่องจากมีบุคลากรทำงานแทนเพียงพอกับการให้บริการ

ด้าน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบการให้บริการผู้โดยสารที่ชั้น 5 ของอาคารผู้โดยสารซึ่งเป็นจุดตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ซึ่งจากการตรวจสอบของทีมข่าวพบว่ายังคงมีพนักงานของล็อกเล่ย์บางท่านทำงานตามปกติ ขณะที่ ทางด้าน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดส่งพนักงานงานเข้าเสริมในจุดที่ไม่มีพนักงานของล็อกเล่ย์มาทำงานได้ทันท่วงทีทำให้ไม่เกิดผลกระทบต่อผู้โดยสารในครั้งนี้