เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่โรงพยาบาลศิริราช ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนร่วมพิธีทำบุญตักบาตรอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช เนื่องในวันสวรรคตครบ 1 ปี โดยมีพระสงฆ์ จำนวน 199 รูป บิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งออกจากหอประชุมกองทัพเรือ ไปยัง ถนนบวรสถานพิมุข หน้าตึกอำนวยการ โรงพยาบาลศิริราช ก่อนพระสงฆ์ทั้งหมดเดินเข้าสู่ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาจับจองพื้นที่จนแน่นโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เวลา 03.00 น. โดยเฉพาะบริเวณถนนวังหลังไปจนถึงแยกศิริราช พบประชาชนใช้เสื่อ กระดาษ ผ้าปู รองนั่งเพื่อรอพระสงฆ์ตลอดทั้งสองฝั่งถนน ส่วนประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดบางส่วนได้เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 12 ตุลาคม และพักคอยตามตึกภายในโรงพยาบาลศิริราช นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานต่าง โดยเฉพาะบุคลากรศิริราชจัดเตรียมของใส่บาตรตามโต๊ะที่จัดไว้ให้แก่หน่วยงานด้วย
น.ส.สำรวล เอมมา อายุ 54 ปี ทำงานบริษัทเอกชน เผยความรู้สึกภายหลังร่วมพิธีทำบุญตักบาตรอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า ตนเดินทางมาจากบ้านพัก อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา และมาถึงโรงพยาบาลศิริราชในช่วงเย็น จากนั้นก็เดินซื้อของเพื่อเตรียมตักบาตร เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่ม ก่อนเข้ามาพักคอยภายในโรงพยาบาลศิริราชเพื่อเตรียมตักบาตรในช่วงเช้ามืด วันนี้เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างใจหาย เพราะเป็นวันแห่งความสูญเสียครบ 1 ปีเต็ม ทั้งนี้ ในวันนี้เมื่อปีก่อนตนจดจำได้ดี ขณะนั้นตนกับเพื่อนก็เฝ้ารอดูพระอาการของในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ภายในโรงพยาบาล กระทั่งมีเสียงตามสายประกาศว่าพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นรวมถึงตนกรี๊ดร้องปานใจจะขาด บ้างก็เป็นลมหมดสติไป ไม่อยากจะเชื่อว่าพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว
น.ส.สำรวล กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ด้วยอยากใกล้ชิดพระองค์ ตนใช้เวลาว่างจากการทำงานหรือในช่วงวันหยุด เดินทางมากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ รวมกว่า 30 ครั้ง ทุกครั้งที่เงยหน้ามอง ตนรู้สึกตื้นตันใจและรำลึกว่าพระองค์อยู่ใกล้ดวงใจของตนเสมอ ทั้งนี้ ตนได้นำแนวทางพระราชดำริ คือ เศรษฐกิจพอเพียง ปลูกผักสวนครัวตามแนวบ้าน ซึ่งทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะเดินทางมาร่วมกิจกรรมถวายอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสมอ ทั้งกิจกรรมร้องเพลงถวายพระพร กิจกรรมวันพ่อ เพื่อทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลและร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ส่วนนางเอมอร จรัสโชติกุล อายุ 62 ปี เดินทางมาจากบ้านพักในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 03.00 น. มาถึงโรงพยาบาลศิริราชแต่เช้ามืดเพื่อร่วมพิธีทำบุญตักบาตร กล่าวว่า มีความตั้งใจอยากทำบุญเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 หลังครบ 1 ปีแห่งวันสวรรคตแล้ว ตนคิดว่าที่ผ่านมา 1 ปีนั้นเป็นปีแห่งความโศกเศร้า ตนไม่อยากเดินทางไปเที่ยวไหนหรือไปสถานที่ใด เพราะในแต่ละที่เต็มไปด้วยการไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทั้งกิจกรรมไว้ทุกข์ พสกนิกรต่างสวมชุดสีไว้อาลัย จึงใช้เวลาร่วมเดินทางมาสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ภายในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้นถึง 76 ครั้ง ด้วยใจที่จงรักภักดี โดยใช้เวลาช่วงพักเที่ยงและช่วงกลางวัน รีบเดินทางออกจากบ้านพักหรือที่ทำงานทันที
“วันนี้รู้สึกประทับใจมาก เห็นผู้คนเดินทางมาร่วมตักบาตรกันจำนวนมาก ด้วยรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ถูกยอมรับและเป็นตัวอย่างพระมหากษัตริย์ที่ดี ปกครองประชาชนโดยธรรม ของทั่วโลก ซึ่งวันนี้ตนจะใช้เวลาตลอดทั้งวันร่วมกิจกรรมกับทางโรงพยาบาลศิริราช เพื่อน้อมรำลึกวันที่ท่านสวรรคต” นางเอมอร กล่าว