นายสุวิทย์ ธรนินทร์พานิช เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวในงานเสวนา เรื่อง “โซลาร์รูฟท็อป จะพลิกโฉมระบบไฟฟ้าอย่างไร” ที่ห้องประชุมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชนูปถัมป์ ว่า ขณะนี้ภาคเอกชนและสถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศ(ทีดีอาร์ไอ)มีความกังวลต่อนโยบายของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการเก็บค่าสำรองไฟฟ้า(แบ็คอัพเรท)จากผู้ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์ รูฟท็อป)ว่า อาจจะเป็นการดองทั้งอุตสาหกรรมไม่ให้เกิด หรือมีการขยายตัวไปมากกว่านี้ เนื่องจากจะเป็นภาระกับผู้ผลิตไฟฟ้า ประกอบกับการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวยังมีไม่มาก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ผลิตหลักก็ยังมีตัวเลขน้อยมาก คาดว่าจะใช้เวลา 3-5ปีการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวจึงจะแพร่หลายและสามารถเก็บตัวเลขผู้ผลิตได้จริง ดังนั้นจึงไม่ควรทำระบบเข้ามาครอบทั้งที่ยังไม่ทราบผลกระทบที่แท้จริง

“เอกชนไม่คัดค้าน เพระทราบว่าสาเหตุของการเก็บค่าแบ็คอัพเพื่อต้องการลดภาระสายส่งที่ต้องแสตนบายให้พร้อมเมื่อผู้ผลิตโซลาร์ต้องการใช้ไฟจากระบบปกติ แต่อยากให้รอไปอีก3-5ปี และไม่ให้เป็นภาระผู้ผลิต เพราะปัจจุบันผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ค่าไออาร์อาร์ จากการผลิตไฟฟ้าเฉพาะอยู่ที่ 7-8% หากมีค่าใช้จ่ายจากแบ็คอัพอาจทำให้ไออาร์อาร์เหลือ 3%”นายสุวิทย์กล่าว