เกิดเหตุโจมตีในโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่ของไวรัสเรียกค่าไถ่ หรือแรนซัมแวร์ที่มีชื่อว่า WannaCry ต่อองค์กรต่างๆ มากกว่า 75,000 แห่งใน 99 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน อิตาลี และสเปน โดยมีรายงานว่าเป้าหมายหลักของการโจมตีอยู่ที่รัสเซีย ยูเครน และไต้หวัน

ไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวได้เข้าไปเปลี่ยนรหัสลับของไฟล์ในคอมพิวเตอร์จนไม่สามารถใช้งานได้และมีข้อความเรียกร้องให้จ่ายเงินค่าไถ่ด้วยบิทคอยซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวหนึ่งหมื่นบาท เพื่อแลกกับการปลดล็อกคอมพิวเตอร์ที่ประสบปัญหา ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถกลับมาควบคุมข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของตนเองได้อีกครั้งหนึ่ง

ก่อนหน้านี้แฮกเกอร์ลึกลับซึ่งใช้ชื่อว่า”ชาโดว์ โบรกเกอร์ส” เผยว่าได้ขโมยข้อมูลเครื่องมือในการทำการโจมตีทางโลกไซเบอร์ที่ระบุว่าถูกพัฒนาขึ้นโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ หรือเอ็นเอสเอ และจะเปิดให้มีการประมูลออนไลน์ ก่อนจะเผยแพร่ข้อมูลฟรีบนโลกออนไลน์ในเวลาต่อมาโดยอ้างว่าเป็นการดำเนินการเพื่อประท้วงต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เปิดให้ผู้ใช้โปรแกรมอัพเดทข้อมูลเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้งานได้ แต่มีผู้ใช้งานจำนวนมากที่ยังไม่ได้อัพเดทโปรแกรมของตน ขณะที่วิศวกรของไมโครซอฟท์ได้เพิ่มการติดตามและป้องกัน WannaCrypt แล้ว พร้อมทั้งระบุว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าของบริษัทต่อไป