“ช.การช่าง”ลุยประมูลงานรัฐ4แสนล.

https://www.matichon.co.th/news/

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทพร้อมจะเข้าประมูลงานก่อสร้างตามนโยบายภาครัฐในทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าภาครัฐจะเปิดโครงการประมูลกว่า 4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท โครงการทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง มูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมประมาณ 4 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการเอกชนร่วมลงทุน (พีพีพี) ในโครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงบางปะอิน – นครราชสีมา ซึ่งจะให้ค่าตอบแทนเอกชนมูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท และโครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงบางใหญ่-กาญจนบุรี ให้ค่าตอบแทนเอกชนมูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท ทางบริษัทฯ และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ก็ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ส่วนโครงการในต่างประเทศจะรับงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว และงานก่อสร้างระบบประปาในพม่า ก็มีความคืบหน้าตามลำดับ

นายปลิวกล่าวว่า นอกเหนือจากโครงการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลจะผลักดันออกมาในเร็วๆนี้ ทั้งรูปแบบที่ให้เอกชนเข้าประมูล และรูปแบบพีพีพี บริษัทฯ และบริษัทในกลุ่มทั้งหมดได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูล อย่างไรก็ตามโครงการก่อสร้างในประเทศยังเป็นเป้าหมายหลัก ทั้งนี้งานใหม่ที่จะเข้าร่วมประมูลก็ได้คำนวณราคาต้นทุนใหม่ก่อนเสนอทุกโครงการ บริษัทจึงไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีรัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากทางบริษัทเจรจากับผู้รับเหมาช่วงเรียบร้อยแล้ว

“สำหรับการร่วมงานกับบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี มีความคืบหน้าเรียบร้อยเป็นอย่างดี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำโครงสร้างฐานราก เช่น การปรับพื้นดิน การตอกเสาเข็ม ส่วนการส่งมอบพื้นก็ได้เกือบครบ 100% แล้ว ไม่มีปัญหาใด ๆ ที่สร้างผลกระทบให้เกิดความล่าช้า” นายปลิวกล่าว

นายปลิวกล่าวว่า ส่วนผลประกอบการปี 2560 คาดว่ารายได้ก่อสร้างจะอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ และมีกำไรขั้นต้นที่ 8% เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมจะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (ดีอี) อยู่ในระดับ 1.35 เท่า