ออกหมายจับ ‘สส.เพื่อไทย-กำนันหญิง’ บงการฆ่า 2 คดี

http://www.bangkokbiznews.com/news

07 มีนาคม 2560
7298

เจ้าหน้าที่ทหาร ใช้อำนาจ ม.44 ตรวจค้นบ้านนักการเมืองชื่อดัง อดีต สส.พรรคเพื่อไทย บงการฆ่า 2 คดี

พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และ พ.อ.ประสาน แสงศิริรักษ์ ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.อุทัยธานี (ผบ.กกล.รส.จว.อุทัยธานี) สนธิกำลังตำรวจกองปราบปราม ชุดปฏิบัติการพิเศษ สยบริปูสะท้าน ตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี และเจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส.จว.อุทัยธานี กว่า 200 นาย ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้าจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ใน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี

ประกอบด้วย 1. นายบุญยิ่ง จันทร อายุ 60 ปี 2. นายธเนตร วงษ์เนตร อายุ 22 ปี 3. นายมนัส หวางจีน อายุประมาณ 40 ปี โดยทั้งสามคนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุทัยธานี ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงในงานศพภายในบ้านเลขที่ 99/7 หมู่ 5 ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เป็นเหตุให้ นายจำเนียน มาหัวเขา นายลำดวน พันทะ นายบุญถิ่น กุลธานี เสียชีวิต และนายดุสิต ศรีวรรณ อายุ 43 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนสงคราม เอ็ม16 ที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนอีก 43 นัด ทั้งหมดจับได้ในที่พักและที่หลบซ่อนตัวใน ต.น้ำรอบ อ.ลายสัก โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้การพาดพิงไปยังผู้บงการว่ามีอดีตนักการเมืองระดับชาติ และนักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยประเด็นการก่อเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องการเมืองในจังหวัดและขัดผลประโยชน์

โดยเป้าหมายสำคัญคือการเข้าตรวจค้นไร่อ้อยซากุระ เลขที่ 98 ม.5 ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก ซึ่งเป็นบ้านนายสุภาพ โต๋วสัจจา อายุ 67 ปี อดีต สส.พรรคเพื่อไทย โดยบ้านดังกล่าวตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณกว่า 5 ไร่ มีบ้านแยกย่อย 3 หลัง และโรงข้าวโพด รวมทั้งโรงรถ จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนยาวลูกซองจำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนสั้น 3 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนเบอร์ 12 และกระสุนปืนขนาดต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยอาวุธปืนดังกล่าวมีนายสุเทพ โต๋วสัจจา เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ

ขณะที่กำลังอีกจุด ได้เข้าตรวจค้นฟาร์มควายซากุระ เลขที่ 98/2 ม.5 ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก ซึ่งบ้านนายณรงค์ศักดิ์ โต๋สัจจา อายุ 60 ปี เป็นนายก อบต.ตำบลน้ำรอบ จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนยาวไรเฟิลติดลำกล้อง จำนวน 1 กระบอก ปืนยาวออโตเมติก 1 กระบอก ปืนสั้น 3 กระบอก มีด 8 เล่ม และขวาน 2 เล่ม พร้อมเครื่องกระสุนขนาด 9 มม. กระสุนปืนเบอร์ 12 และกระสุนปืนขนาด 22 จำนวนหลายนัด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ยังได้ปูพรมตรวจค้นบ้านนักการเมืองท้องถิ่นในเขต อ.ลานสัก พร้อมยึดอาวุธปืนกว่า 35 กระบอก รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ รุ่นสแมช สีดำ. 1 คัน ไม่ติดหมายเลขทะเบียน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า สำหรับยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส เป็นการขยายผลจากการคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสามที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ โดยให้การซักทอดว่ามีผู้บงการเป็นนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น โดยพฤติกรรมของขบวนการนี้คือ นายบุญยิ่ง จันทร เป็นคนรับงาน 2. นายธเนตร วงษ์เนตร เป็นมือปืน 3. นายมนัส หวางจีน เป็นผู้จัดหาให้ที่พัก และนายสราวุฒิ เรืองดาดะ เป็นคนขี่จยยซูซูกิ รุ่นสแมช สีดำ.ก่อเหตุ ซึ่งนายบุญยิ่ง เป็นผู้รับงานมาจากนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 3 หมื่นบาท แต่ยังจ่ายเงินไม่ครบจ่ายเพียงเคสละ 1 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นคำให้การของผู้ต้องหา และหลักฐานอื่นๆที่เชื่อมโยง ขออำนาจศาลจังหวัดอุทัยธานีออกหมายจับผู้บงการ 2 ราย ในฐานความผิดข้อหาเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นโดยการใช้การจ้างวาน หรือยุยงส่งเสริมหรือกระทำการด้วยประการใดๆให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

โดยรายแรกคือนายสุภาพ โต๋วสัจจา อดีตสส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.อุทัยธานี หัวหน้านักการเมืองกลุ่มซากุระ หลังแนวทางการสืบสวนและคำให้การของผู้ต้องหาซักทอดว่า เป็นผู้บงการสังหารสารวัตรกำนันรายหนึ่งในงานศพ แต่ปรากฏว่ามีผู้โดนลูกหลงเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย โดยปมสังหารมาจากความขัดแย้งในเรื่องการเมือง และขัดแย้งเรื่องการทำเหมืองแร่และสัมปทานเหมืองแร่

รายที่สองคือ น.ส.เยาวพร รัตนมณีพันธ์ กำนันตำบลลานสัก หลังแนวทางการสืบสวนและคำให้การของผู้ต้องหาซักทอดว่าเป็นผู้บงการสังหารนายบุญจันทร์ ชาลีนิวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ปีที่ผ่านมา โดยปมสังหารมาจากการเมืองท้องถิ่น รวมทั้งออกหมายจับนายสมนึก ปานศิลา หรือนายแก่ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดหาขายอาวุธปืนในการก่อเหตุ ในฐานความผิดมีและครอบครองอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลการจับกุมคดีสำคัญ โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 22 จุด โดยทำการตรวจยึดอาวุธปืนกว่า 35 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก โดยหลังจากนี้ได้ประสานให้ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ตรวจสอบอาวุธปืนทั้งหมดว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุหรือไม่