‘สุเทพ’ เปิดใจหลังได้ประกัน ต่อสู้จนคสช.เข้ามาถือว่าคุ้ม ไม่ตรวจสอบ ‘บิ๊กป้อม’ เพราะไม่ใช่ฝ่ายค้าน

 https://www.matichon.co.th/news/

เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 24 มกราคม ที่ศาลอาญา ภายหลังได้รับการประกันตัว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิกปปส. พร้อมแกนนำรวม 9 คน เดินออกจากศาล โดยนายสุเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ ตนกับพวกโดนอัยการฟ้องในข้อหา ก่อการร้าย กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร และพ.ร.ก.บริหาราชการแผ่นดิน บุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรงทั้งสิ้น แต่พวกตนทั้ง 9 คน ได้ตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้วว่า ที่อัยการนัดหมายให้พวกเรามามอบตัว เพื่อส่งฟ้อง ก็จะเข้ามามอบตัว เราเป็นคนไทย เราต้องเคารพกฎหมายไทย เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย จะถูกจะผิดอย่างไร ก็ไปสู้ในกระบวนการยุติธรรม จะนำเอาพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ไปเสนอต่อศาล เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย

นายสุเทพ กล่าวว่า การที่เราออกมาสู้เคียงข้างประชาชน อาจจะบาดเจ็บ อาจจะเสียชีวิต อาจจะถูกดำเนินคดี เรายังนึกถึงพี่น้องประชาชนนับพันคนที่ได้รับบาดเจ็บ เสียเลือดเนื้อและอวัยวะ จากการมาร่วมต่อสู้กับเรา แล้วถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายจนเสียชีวิต แต่เราก็จะยืนหยัดต่อสู้ต่อไป เพื่ออนาคตของประเทศ เรายืนหยัดผลักดันเพื่อให้มีการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ถ้าเราพลาดพลั้งแพ้คดี ถูกศาลลงโทษก็พร้อมจะน้อมรับ เพราะถือว่า เป็นการตัดสินใจเลือกทางนี้แล้ว สำหรับการพิจารณาคดีในชั้นศาล พวกตนทุกคนของประกาศว่า จะไม่ประวิงคดีเป็นอันขาด เราต้องการเร่งรัดให้มีการไต่สวน สืบพยานโจทก์จำเลย โดยรวดเร็วที่สุด เพราะเราทราบดีว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน

เมื่อถามว่า ในวันนี้มีผู้ต้องหามีผู้ต้องหาอีกประมาณกว่า 30 คน ยังไม่ถูกนำตัวส่งฟ้อง หากมีการส่งฟ้องจะขอศาลรวมสำนวน เป็นสำนวนเดียวกันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ความจริงตนไม่อยากจะก้าวล่วงในดุลพินิจของอัยการ แต่ในความรู้สึก ตนคิดว่า จำเลยในคดีนี้สมควรที่จะมีเฉพาะพวกตน 9 คน เพราะพวกตนทั้ง 9 คน เป็นกลุ่มที่ริเริ่มชักชวนประชาชน ออกมาร่วมขบวนการต่อสู้เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด 240 วัน ผู้ที่มาร่วมบางคนขึ้นเวทีเพื่อตอบปัญหาข้อสงสัยแก่มวลชน อย่างเช่น นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ขึ้นเวทีอธิบายเกี่ยวกับเหตุผลการต่อสู้กับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่น คดีที่มีการฟ้องที่ศาลปกครอง และนักวิชาการมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็มาให้ความเห็น ความรู้ แก่ประชาชน คนเหล่านี้ทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ควรจะใช้เวลาไปสอนหนังสือ หรือ อย่างน.ส.รังสิมา รอดรัศมี ที่ไม่ได้เข้ามามีบทบาทอะไรทั้งสิ้นก็โดนข้อหาร่วมกันกบฏ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากทางอัยการได้ตระหนักในเรื่องนี้ ก็ควรจะมีการสั่งให้สอบสวนผู้ต้องหาเหล่านี้ใหม่ เพื่อที่จะดำเนินการให้เกิดความยุติธรรม

เมื่อถามต่อว่า อยากให้มีการแยกสำนวนเฉพาะของ 9 คน เพื่อดำเนินคดีในชั้นศาลด้วยความรวดเร็วใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ความต้องการของพวกตนอาจจะไม่มีผล ขึ้นอยู่กับทางอัยการ และศาลจะพิจารณา แต่ถ้ามีโอกาสพวกตนตั้งใจที่จะแถลงต่อศาล ขอให้ดำเนินคดีกับพวกตนทั้ง 9 คน ให้เสร็จสิ้นก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ก่อนหน้านี้ตนได้เคยเสนอแนวคิดนี้ไปทางอัยการแล้ว เพื่อไม่ให้ตกเป็นจำเลย แล้วต้องเสียเวลาในชั้นศาล แล้วจะได้ไปทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติต่อได้

เมื่อถามถึงการเตรียมทนายความและพยานหลักฐานในการสู้คดี นายสุเทพ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการต่อสู้ ตนก็ได้ตั้งสำนักงานทนายความขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ เนื่องจากจะไม่ปล่อยให้พี่น้องโดนคดีโดยไม่มีการช่วยเหลือ ส่วนพวกเราทั้ง 9 คน ก็จะมีการเตรียมทนายไว้สู้คดี แต่เราก็เพิ่งมารู้ข้อหาที่โดนฟ้องในวันนี้ จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องหาพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย วีดีโอ หรือพยานบุคคลนำมาต่อสู้คดี อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ หากทราบเรื่องและเห็นเหตุการณ์ สามารถเข้ามาเป็นพยานได้ เพื่อพวกตนจะได้ใช้ประโยชน์ในการต่อสู้คดี ขณะนี้เรายังไม่ทราบว่า จะยื่นบัญชีพยานจำเลยขึ้นสู่การพิจารณาของศาลกี่ปาก เพราะเพิ่งทราบข้อหาวันนี้ ต้องขอเวลาปรึกษากันก่อน

เมื่อถามว่า เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีแต่ต้องถูกดำเนินคดีฐานกบฏรู้สึกอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนคิดไว้ก่อนแล้ว เพราะการต่อสู้ครั้งนั้น รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีอะไรได้เปรียบ อาจจะถูกทำร้าย หรือถูกตั้งข้อหา ซึ่งตนเห็นว่า มีประชาชนเสียสละมาเพื่อเรา วันนี้พวกตนภาคภูมิใจที่ได้เป็นกำลังต่อสู้เพื่อชาติ
เมื่อถามต่อว่า ภายหลังจากชุมนุมต่อสู้ จนมีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร พอใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องแยกกัน เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นกปปส. ต่างคนต่างทำหน้าที่ รัฐบาลชุดนี้มารับช่วงงานต่อ จึงเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ที่ตนออกมาต่อสู้จนล้มรัฐบาลที่แล้วได้ ถือว่า คุ้ม เพราะถ้าเราไม่ออกมาต่อสู้ในวันนั้น วันนี้ประเทศก็คงเป็นเหมือนเดิม ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจมืด ภายใต้การปกครองของรัฐ ที่ไม่ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ประชาชน ชาวนา คงน้ำตาตกใน ประชาชนยังคงไม่ได้ค่าข้าว ชาวนาอาจจะต้องฆ่าตัวตายอีกจำนวนมาก อย่างน้อยที่สุด ที่เราได้พบคือ ได้ผ่านภาวะเลวร้ายทางการเมืองนั้นมา แต่คนไทยทุกคนยังมีพันธกิจหน้าที่ต้องเดินหน้า ปฏิรูปประเทศต่อให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอันสมบูรณ์

เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรกับรัฐบาลนี้ถูกวิจารณ์ถึงปัญหาการทุจริต นายสุเทพ กล่าวว่า แล้วแต่คนมอง แล้วแต่เหตุการณ์ แล้วแต่กรณี สำหรับพวกตนมองว่า นับจากคสช.เข้ามายึดอำนาจ แม้จะไม่ใช่ความต้องการของพวกตน แต่อย่างน้อยเขาได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศ รัฐธรรมนูญเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่ได้คิดตามแนวทางของการปฏิรูปประเทศ ส่วนเมื่อปฏิบัติแล้วมีปัญหาอย่างไร ก็จะต้องแก้ทีละเรื่อง ที่ตนเคยประกาศว่า ต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพราะคาดว่า ข้าราชการและประชาชนทุกฝ่าย จะได้รวมพลังกันต่อสู้อำนาจรัฐก่อตั้งรัฐบาลและสภาของประชาชน วันนี้เราไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ได้อยู่ในสภา หากคสช.ทำได้แค่ไหน ก็ยินดีแค่นั้น แต่พันธกิจเรื่องนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามว่า หน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลของกปปส.ยังมีอยู่หรือไม่ เช่น นาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม นายสุเทพ กล่าวว่า กปปส.ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน แล้วตนคิดว่า รัฐบาลขณะนี้ก็ไม่มีฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้น กปปส.ก็ไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบรัฐบาล หน้าที่ของเราคือ ต้องบอกประชาชนว่า อะไรที่คสช.ปฏิรูปแล้ว ก็ขอขอบคุณ ส่วนที่ยังทำไม่ได้ ก็ต้องทำต่อ

เมื่อถามว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ คำสั่งคสช.ที่ 53/60 เรื่องการแก้ไขกฎหมายพรรคเมือง ที่นายสุเทพสนับสนับสนุนให้แก้ไข นายสุเทพกล่าวว่า ตนกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เหมือนน้ำบ่อกับแม่น้ำ ตนไม่วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ เพราะลาออกมาแล้ว

เมื่อถามถึง การเลื่อนเลือกตั้งที่ผ่านมาหลายครั้ง ล่าสุดเลื่อนอีก 90 วัน ตามที่กมธ.เสียงข้างมากของสนช.เสนอ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เลือกตั้งเลือกเมื่อไรก็ได้ แต่ขอให้การเลือกตั้งนั้น บริสุทธิ์ยุติธรรม ได้คนดีมาทำหน้าที่แทนประชาชน ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า จะมีการสืบทอดอำนาจ ก็ต้องมองด้วยหัวใจที่เป็นธรรม อย่าไปมองด้วยอคติ หรือหัวใจที่ทำตัวเป็นฝ่ายค้าน เพราะตนไม่ใช่ฝ่ายค้าน

เมื่อถามต่อว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง จะมีตัวแทนของกปปส.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า จะมีใครตั้งพรรคการเมืองบ้าง ต้องรอให้ถึงเวลา ส่วนตนจะสนับสนุนฝ่ายใดหรือไม่ เมื่อถึงเวลาก็จะบอก ตนเป็นคนตรงไปตรงมา เปิดเผยชัดเจน