แบงก์ชาติแท็คทีมกลต.-ปปง.ดูแลสกุลเงินดิจิทัล ห่วงใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน

https://www.matichon.co.th/news/

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท.และธนาคารกลางทั่วโลกยังไม่มีใครที่รับรองว่าสกุลเงินดิจิทัล(คริปโตเคอเรนซี่) เป็นเงินที่ชำระนี้ได้ตามกฎหมาย จึงไม่ถือเป็นสกุลเงิน แต่อาจจะมีประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นสกุลเงินชนิดหนึ่ง ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบันมีลักษณะสินทรัพย์เพื่อการลงทุนเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงหลายเรื่อง ทั้งราคาที่ผันผวนสูง อย่างราคาทองคำที่เคยขึ้นไปถึง 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออน ขณะนี้เหลือ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออน เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ขึ้นไปถึง100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล ลดลงไปต่ำสุด 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล ขณะนี้อยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล รวมทั้ง เรื่องระบบปฏิการเพราะสินทรัพย์ที่เป็นดิจิทัล อาจจะมีปัญหาถูกแฮคทำให้สูญเสียเงินได้ ทั้งนี้ กังวลว่าประชาชนที่ไม่เข้าใจเรื่องสกุลเงินดิจิทัลแล้วถูกชักชวนเข้าไปลงทุน และมีการชวนเพื่อนฝูงมาลงทุน กลายเป็นลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายวงกว้าง ดังนั้น หากจะเข้าไปลงทุนต้องระมัดระวัง รู้ว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ผลตอบแทนมาได้อย่างไร จะบริหารความเสี่ยงอย่างไรและสามรถรองรับความเสี่ยงเหล่านั้นได้เรือไม่

“สกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ขณะนี้พบว่าการใช้งานยังอยู่ในวงจำกัด ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นผลกระทบเชิงระบบ ซึ่งยังไม่มีการออกเกณฑ์อะไรมาควบคุมดูแล แต่ธปท. ได้ติดตามใกล้ชิด สิ่งที่ต้องสนใจระมัดระวัง ในมิติแรกคือ ป้องกันไม่ให้ใช้สำหรับการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือการฟอกเงิน ที่บางประเทศให้ความสำคัญมาก เวลาแลกเปลี่ยนจากสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินทั่วไป ต้องมีการพิสูจน์ตัวตนลูกค้าว่าใครเป็นคนทำธุรกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนของธปท.ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อช่วยกันติดตามดูแล และช่วยเตือนให้ประชาชนเข้าใจความเสี่ยง โดยเฉพาะการที่มักจะมีคนอ้างชักชวนการลงทุนในลักษะที่เป็นแชร์ลูกโซ่ ส่วนกรณีการระดมทุนในรูปแบบการเสนอขายหน่วยเงินดิจิทัลให้กับประชาชนทั่วไป หรือ ไอซีโอ กลต.อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น” นายวิรไท กล่าว

ด้านนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิทคอยท์นั้นไม่มีพื้นฐานราคาที่ชัดเจน และไม่มีปัจจัยทางทางเศรษฐกิจที่สามารถอ้างอิงใช้ในการคาดการณ์ราคาในอนาคต และยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งการลงทุนในบิทคอยน์จึงมีความเสี่ยงสูงมากใกล้เคียงการพนัน การที่ธปท.และกระทรวงการคลังออกมาเตือนนักลงทุนระวังการลงทุนจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้น ผู้ลงทุนที่เข้าไปลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจการลงทุนบิทคอยท์อย่างแท้จริง และการลงทุนต้องระมัดระวัง เพราะอยู่ในช่วงทุกคนเข้าไปเล่นตามกระแส อย่าเห็นแค่จะรับผลตอบแทนที่สูงจากราคาที่ปรับตัวขึ้นมามากในช่วงนี้เท่านั้น ซึ่งในอนาคตก็มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงได้เช่นกัน