https://www.matichon.co.th/news/
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (บก.ภ.จว.) คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูใน จ.สกลนคร หลังศาลจังหวัดนครพนมได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ ผบก.ภ.จว.นครพนม จะสั่งรื้อขบวนการผู้อยู่เบื้องหลังรับจ้างผิดแทนครูจอมทรัพย์ กระทั่งคณะทำงานชุดดังกล่าวมีการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกผู้ต้องหาประกอบด้วย นายสับ วาปี วัย 61 ปี นายเลิศ วาปี อายุ 66 ปี นายบุญเทิง วาปี อายุ 63 ปี พี่ชายนายสับ และนางจัน วาปี อายุ 59 ปี ภรรยานายสับ ที่เดินทางมามอบตัวแล้ว
ซึ่งยังเหลือผู้ต้องหาตามหมายเรียกอีก 3 คนคือ นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง และนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ วัย 61 ปี และนายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีครูจอมทรัพย์ อย่างไรก็ตามหลังนายสับ มอบตัวแล้วได้สารภาพว่า ครูอ๋อง เป็นผู้ว่าจ้างเป็นเงิน 4 แสนบาท ให้ตนรับสารภาพผิดแทนครูจอมทรัพย์
กระทั่งวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายสับ ไปชี้จุดประกอบคำรับสารภายหลังครูอ๋องนำเงิน 1.7 แสน ซึ่งอาจเป็นเงินของครูจอมทรัพย์ ให้นายสับเพื่อจ่ายเยียวยาให้ญาติผู้ถูกรถชนเสียชีวิต-ภจ ที่ศาลจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายประชุมร่วมกับตำรวจชุด สส.ภ.4 เคร่งเครียดนานกว่า 8 ชั่วโมง กระทั่งมีการรวบรวมพยานหลักฐานชัดเจน จึงนำไปสู่การยื่นขออนุมัติหมายศาลจับกุมนางจอมทรัพย์ และครูอ๋อง
ความคืบหน้าช่วงค่ำวันเดียวกัน มีรายงานจากคณะชุดคลี่คลายคดีระบุว่า พนักงานสอบสวนชุดใหญ่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลจังหวัดนครพนม ขออนุมัติหมายจับนางจอมทรัพย์ และนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งปรากฏว่าเวลา 18.37 น. ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 2 รายแล้ว
รายงานจากชุดคลี่คลายคดี ยังระบุด้วยว่า ชุดสืบสวนในคดีนี้ยังคงเกาะติดตามความเคลื่อนไหวของนางจอมทรัพย์ ที่บ้านด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร และที่บ้านพักของนายสุริยา หรือครูอ๋อง ที่ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร แต่เนื่องจากมืดค่ำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ถอนกำลังกลับ
อย่างไรก็ตาม หลังศาลจังหวัดนครพนมได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งคู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันที เนื่องจากคดีที่ออกหมายจับนางจอมทรัพย์กับนายสุริยา หรือครูอ๋อง ในวันนี้เป็นคดีอาญาข้อหา 2 ใน 7 ข้อหาหนักคือ อั้งยี่ซ่องโจรและเบิกความเท็จต่อศาล โดยไม่ต้องออกหมายเรียกแต่อย่างใด