นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ หัวข้อCompetitiveness and Inclusive Growth:Navigating towards Thailand 4.0 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทย ที่โรงแรมอนันตราสยาม กรุงเทพฯ ว่า จากนี้นายกรัฐมนตรี เน้นเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (โลคอล อีโคโนมี) ทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็งมากขึ้น ให้ชุมชนมีรายได้ดีขึ้นเพื่อให้เกิดกำลังซื้อ เกิดอำนาจซื้อแข็งแรงในชุมชน และลดการพึ่งการส่งออก เพื่อให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจติดดีขึ้น เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นจะแพร่ไปจุดอื่นด้วย รัฐพยายามทำให้ท้องถิ่นแข็งแรง จุดพลังเชื่อมโยงให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม โดยเฉพาะองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)เข้ามามีบทบาท ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ระดับอำเภอลงมาสู่กำนันและผู้ใหญ่บ้าน และร่วมกับเอกชนให้เขาคิดโครงการพัฒนาท้องถิ่นขึ้นมาว่ามีอะไรบ้าง ให้ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม การจ้างงาน ไปจนถึงสุขภาพ หากไม่มีโครงการเสนอเข้ามา แล้วเทแต่เงินลงไปก็ไม่มีประโยชน์ ท้องถิ่นหลายแห่งก็กำลังคิด หากชงเข้ามาก็จะมีการพิจารณาอนุมัติ งบประมาณท้องถิ่นมาจากมหาดไทยที่มีการจัดสรรลงไปทุกปี ขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยรับรู้แล้วว่าต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ลงไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น ตอนนี้รอดูรายละเอียดว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรให้สามารถเบิกจ่ายงบและใช้เม็ดเงินได้

นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้ จะเน้นการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น และดูแลผู้มีรายได้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่ให้เพียงสวัสดิการ ที่รัฐบาลให้เปล่า แต่ต้องให้เขาพัฒนาตัวเอง สร้างอาชีพให้สามารถยืนด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ในปีหน้าจะเน้นพัฒนาเพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการเพิ่มมูลค่าและใช้นวัตกรรม รวมถึงผลักดันโครงการระเบียงเขตเศรฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ให้เกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการทั้งห่วงโซ่อุปทานได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพียงรายใหญ่ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าดีขึ้น

นายสมคิด กล่าวถึงกรณีปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีดูว่าอะไรเหมาะสม การปรับใครออกไม่ได้แปลว่าทำงานไม่ดี แต่เป็นการปรับเพื่อความเหมาะสม