- ภาพ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์สินของนายบอยแล้ว 12 รายการ รวมมูลค่ากว่า 17 ล้านบาท ซึ่งในทรัพย์สินดังกล่าวนั้นมีรถยี่ห้อลัมโบร์กีนีกัลลาร์โด (Lamborghini Gallardo) รุ่น SuperLeggera LP 570-4 สีเทา-ดำ ทะเบียน กจ 51 กทม. และจักรยานยนต์ยี่ห้อ KTM สีส้ม ซึ่งมีชื่อนายเบนซ์เป็นผู้ถือครองรวมอยู่ด้วย การยึดดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งการยึดทรัพย์ของ ป.ป.ส. ซึ่งนายเบนซ์และผู้เกี่ยวข้องจะต้องนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินภายใน 90 วัน โดยกรณีนายเบนซ์จะต้องชี้แจงที่มาของเงินที่นำไปซื้อรถหรูให้ได้ หากไม่เช่นนั้นทรัพย์สินทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการอายัดทรัพย์และขายทอดตลาดตามขั้นตอน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้ชุดสืบสวนพบข้อมูลว่าร้านแอร์เรีย 51 ภายในซอยอินทมาระ 51 ของนายเบนซ์นั้นได้เปิดกิจการมาแล้ว 3 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินกิจการนายเบนซ์ได้ส่งรายงานผลประกอบการให้กับกรมสรรพากร ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารรายงานผลประกอบการดังกล่าวพบว่า กิจการของนายเบนซ์ขาดทุนมาโดยตลอด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตที่ชุดสืบสวนพบความผิดปกติว่า เหตุใดนายเบนซ์ถึงสามารถมีรถหรูหลายคันไว้ในครอบครองได้ ประกอบกับชุดสืบสวนพบข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของนายเบนซ์ปรากฏว่า นายบอยได้โอนเงินเข้าบัญชีนายเบนซ์ทุกเดือน เดือนละ 300,000 บาท ซึ่งยังพบอีกว่ารถลัมโบร์กีนี คันดังกล่าวนั้น นายเบนซ์ต้องผ่อนชำระตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 250,000 บาท ชุดสืบสวนจึงเชื่อว่านายบอยอาจโอนเงินจำนวน 300,000 บาทให้นายเบนซ์เพื่อผ่อนรถ โดยเงินส่วนต่างอีก 50,000บาท อาจเป็นค่าที่ให้นายเบนซ์ดำเนินการหรือเป็นค่าถือครองรถหรูหรือไม่
จากการตรวจสอบพบอีกว่ารถลัมโบร์กีนีคันนี้ ถูกนำเข้าและเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ที่ถือครองครั้งแรกเป็นชาวสงขลา ก่อนที่จะขายต่อให้เต๊นท์รถโดยใช้ไฟแนนซ์ชื่อดังและนำมาขายต่อให้เต๊นท์รถชื่อบูโน่ ออโต คลินิก (Buono Auto Clinic) ที่ย่านพระราม 3 หลังจากนั้นนายเบนซ์ได้ทำสัญญาซื้อขายรถหรูคันดังกล่าว โดยมีบริษัทราชธานี ลิสซิ่ง จำกัดเป็นไฟแนนซ์ให้