“ยูเอ็นเอชซีอาร์” เผยคำสั่งทรัมป์ห้ามมุสลิมเข้าปท. ทำผู้อพยพรอเข้าสหรัฐตกค้างในไทยนับร้อย

http://www.matichon.co.th/news

ภาพรอยเตอร์
ภาพรอยเตอร์

 

นางเจนนิเฟอร์ บอส เจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์)ประจำประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันอังคาร(31 ม.ค.) ว่า การประกาศระงับโครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้อพยพที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา สั่งบังคับใช้เป็นเวลา 120 วันนั้น ได้ส่งผลให้มีผู้อพยพมากกว่า 100 คน รวมถึงเด็กชายวัยรุ่นรายหนึ่งที่จะได้ไปอยู่กับแม่ของตนเองในสหรัฐ ต้องติดค้างอยู่ในไทยต่อไป

ทั้งนี้ ยูเอ็นเอชซีอาร์ประเมินว่ามีผู้อพยพมากกว่า 20,000 คนจากทั่วโลกที่มีรายชื่อรอเข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ภายใต้โครงการดังกล่าวของสหรัฐ ในจำนวนผู้อพยพนี้มากกว่า 100 คนอยู่ในกรุงเทพฯ โดยนางบอสบอกกับเอเอฟพีว่า มีผู้อพยพนับร้อยคนที่กำลังรอจะเดินทางไปยังประเทศสหรัฐในช่วง 120 วันนี้ โดยผู้อพยพเหล่านี้มาจากประเทศที่เผชิญกับภัยความรุนแรงในทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกกักตัวอยู่ในสถานที่ควบคุมตัวที่กำลังรอจะเดินทางไปพบแม่และญาติๆของเขาที่ประเทศสหรัฐในไม่กี่สัปดาห์นี้

“หน่วยงานของเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวที่อยู่ในสหรัฐและเราสนับสนุนเขาในการดำเนินการขอตั้งถิ่นฐานใหม่ นี่เป็นกรณีหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ากระบวนการต้องถูกหยุดไว้ก่อน และเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นกรณีที่น่ากังวลและน่าเศร้าจริงๆ” เจ้าหน้าที่ยูเอ็นเอชซีอาร์กล่าวถึงมาตรการของผู้นำสหรัฐ แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงสัญชาติของเด็กผู้อพยพรายนี้ว่าเป็นคนสัญชาติอะไร เพียงแต่กล่าวว่าเด็กมาจาก 1 ใน 7 ชาติมุสลิมที่ถูกประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งห้ามเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว