http://www.matichon.co.th/news
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 มีนาคม บริเวณถนนเลียบคลองแอลทางเชื่อมต่อไปยังอาคารบุญรักษา วัดพระธรรมกาย โซนดี ในเนื้อที่ 57 ไร่ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำคณะสื่อมวลชน เข้าตรวจค้นอาคารบุญรักษา ในจุดที่ยังมีข้อสงสัยเนื่องจากพบว่ามีกลุ่มมวลชนปักหลักอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีถังน้ำมัน และสแลนสีเขียวปิดบังทัศนียภาพโดยรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางเดินไปยังอาคารบุญรักษา เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนต้องเดินผ่านด่านประตูถึง 5 ด่าน โดยด่านแรกเป็นประตูตาข่ายเหล็กเส้น ด่านที่ 2 เป็นประตูสแลนสีเขียว ด่านที่ 3 เป็นประตูสังกะสี ด่านที่ 4 และด่านที่ 5 เป็นประตูตาข่ายเหล็กเส้น ก่อนถึงอาคารดังกล่าว รวมระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยระหว่างทางเป็นพื้นที่ดินทรายกำลังก่อสร้างจะมีคณะศิษยานุศิษย์ นั่งสวดมนต์ และเต็นท์ผ้าใบตั้งกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อมาถึงอาคารบุญรักษา มีทั้งหมด 7ชั้น ประมาณ 135 ห้อง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความประจำวัดพระธรรมกาย พระวินยาธิการ 2 รูป ร่วมเข้าตรวจค้นอาคารดังกล่าว พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) ทหาร และตำรวจ นอกจากนี้ มีพระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เป็นผู้นำตรวจค้น
ทั้งนี้ พระมหานพพรได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณชั้น 5-7 พร้อมเปิดเผยว่า อาคารบุญรักษามีทั้งหมด 7 ชั้น รวมประมาณ 135 ห้อง แต่ละห้องขนาด 24 ตารางเมตร โดยบริเวณชั้น 1-2 เป็นสถานที่เอาไว้คอยปฐมพยาบาลเบื้องต้นจ่ายยาแก่พระสงฆ์และลูกศิษย์วัด ส่วนชั้น 3-6 เป็นห้องพักฟื้นผู้ป่วย ทั้งพระภิกษุ สามเณร และลูกศิษย์ ส่วนชั้น 7 เป็นดาดฟ้า เอาไว้ทำสวนและออกกำลังกายผู้ป่วย รวมทั้งมีเครื่องสาธารณูปโภคต่างๆ
“สำหรับการก่อสร้างอาคารบุญรักษาเริ่มเมื่อปี 2557 โครงสร้างอาคารใกล้เสร็จแล้ว ส่วนอุปกรณ์ภายในยังขาดอีก 20-30 เปอร์เซ็นต์ จึงจะเรียบร้อย และขณะนี้อาคารดังกล่าวยังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจอาคารเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยเข้ามาครั้งแรกเมื่อช่วงวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา” พระมหานพพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากตรวจค้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับพระสงฆ์ ได้รื้อสแลนสีเขียวที่ขึงบริเวณโดยรอบอาคารบุญรักษาออกตลอดแนว เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ชัดเจน
ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอคลองหลวง ศูนย์ปฏิบัติการร่วมในคดีพิเศษที่ 27/2559 พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ และหน่วยทหารจาก พล.ปตอ.
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า การปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา จากนั้นฉายดิจิทัลความยาวประมาณ 7 นาที ให้สื่อมวลชนทราบ ความเป็นมาตั้งแต่เริ่มคดีคดีฟอกเงินของนายศุภชัย ศรีศุภักอักษร สหกรณ์เครดิตยูเนียน ตั้งแต่ปี 2556 และเกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยมีผู้เสียหาย 50,000 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณอายุ ครั้ง 1-2 ค้นไม่สำเร็จ ครั้งที่ 3 จึงขอกฎหมายควบคุมพื้นที่
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า จากการตรวจค้นโซน เอ บี และอาคารบุญรักษา ไม่พบบุคคลตามหมายจับ คดีของผู้ต้องหาที่มีหมายจับมีอายุความ 15 ปี ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจัดชุดออกสืบสวนติดตาม พร้อมประสานสำนักงานตรวจค้นเข้าเมือง (สตม.) ที่มีด่านสกัดตามแนวชายแดน หากพบตัวก็ควบคุมตัวส่งศาล โดยข้อมูลการสืบสวนติดตามตัวบุคคลตามหมายจับทั้งหมดชุดสืบสวนของดีเอสไอต้องทำรายงานผลขึ้นมาว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปที่ไหน ทั้งจากการประสาน สตม.ไม่พบออกนอกประเทศ ทางช่องทางถาวร หากออกช่องทางธรรมชาติต้องรอตรวจสอบ แสดงให้เห็นว่าการตรวจค้นทั้งหมดในวันนี้ผู้ต้องหาตามหมายจับไม่ได้ป่วยอาพาธ ตามที่ทางวัดแจ้ง หากอาพาธจริงในวันนี้การเข้าตรวจค้นก็ต้องพบ
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวต่อว่า ส่วนพื้นที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงผู้ชุมนุมจะยกเลิกวันนี้ ส่วนบริเวณประตูต่างๆ รอบวัดจะไม่ปิดกั้น ส่วนอาคารบุญรักษาทางวัดจะทำความสะอาดให้กลับสู่สภาพเดิม สำหรับกองร้อยควบคุมฝูงชน (คฟ.) จะยังคงคุมกำลังประตูและจุดสกัด เนื่องจากที่ผ่านมามีบุคคลแกนนำเข้ามาเคลื่อนไหว จำเป็นต้องคุมกำลังอยู่ เพื่อมิให้มือที่สามมาก่อเหตุ
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวอีกว่า ทางตำรวจจะดูแลประตูเพื่อป้องกันเหตุและรักษาความปลอดภัยเหมือนปกติของวัดทั่วๆ ไป สำหรับการปฏิบัติหน้าที่สรุป 23 วัน มีคดีอาญา 43 คดี ออกหมายเรียก 316 ราย ออกโดยคำสั่งต่างๆ 80 ราย คดีจะเดินต่อไป การปฏิบัติหน้าที่ทางดีเอสไอทำตามหน้าที่ผิดถูกว่าที่ศาล เรามีหน้าที่รักษากฎหมาย ที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช้อาวุธและความรุนแรงตลอดการปฏิบัติที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวอีกว่า การขอใช้ ม.44 ใช้เพียงขอคุมพื้นที่ เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เข้าสู่สภาพปกติเรียบร้อยก็กำลังขอยกเลิก ม.44 ไปตามลำดับชั้น ส่วนภายในวัดทางคณะสำนักงานพุทธศาสนาแก่งชาติ (พศ.) และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี จะเข้ามาดูแลที่วัดเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย โดยคณะสงฆ์ปฏิบัติภารกิจสงฆ์ตามปกติ ส่วนศิษย์จะเดินทางมาปฏิบัติธรรมตามปกติเช่นกัน ส่วนสัญญาณสื่อสารข่ายต่างๆ ที่ระงับไปนั้น หากกลับคืนสู่สภาพปกติก็จะคืนสัญญาณโทรศัพท์ให้เหมือนเดิม
ด้านพระเทพรัตนสุธีกล่าวว่า ถึงวันนี้พระวินยาธิการมาช่วยตรวจค้นกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดูแลบุคคลผู้ที่ต้องการตรวจไม่พบ คณะสงฆ์ปฏิบัติตามหน้าที่ พระสงฆ์ทั้งปวงไม่ได้อยู่เหนือกฎหมายอยู่ใต้กฎหมายตามรัฐธรรมนูญ คณะสงฆ์ทำหน้าที่
จากนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวตัดบทแค่นี้นะเดี๋ยวกลัวส่งข่าวไม่ทัน ก่อนลุกกลางวงแถลงออกไป