“สมคิด”ยังไม่คิดขึ้นแวต ชี้นายกแค่เปรียบเปรย ขึ้นตอนนี้ยังไม่เหมาะสม

http://www.matichon.co.th/news/

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการติดตามการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ (Doing Business) ถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าจะมีการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) อีก 1% นั้น ว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มมาได้อย่างไร ตอนที่คุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านก็ไม่ได้พูดว่าจะขึ้นภาษี เพียงแต่เปรียบเปรยว่าหากมีการขึ้นภาษี 1% ประเทศจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพื่อให้คนไทยรู้สึกรับผิดชอบว่าถ้าเราจะทำอะไร ต้องเสียสละร่วมกัน ดังนั้นเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้พูด ผมและนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น แล้วจู่ๆ มีข่าวขึ้นมาเพื่ออะไร

“อย่างที่รู้กันว่าขณะนี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและไปด้วยดี เพราฉะนั้นตอนนี้จังหวะเวลาการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มยังไม่ใช่ และยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องขึ้นในช่วงนี้ เพราะสัดส่วนหนี้ต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 44% ต่างกับประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาที่มีสัดส่วนเกิน 100% ดังนั้นการที่มีข่าวนี้โผล่ออกมาทั้งๆ ที่นายกยังไม่ได้พูด และฮือฮากันหนักหน่วง ไม่ได้เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าช่วงก่อนหน้านี้มีข่าวในโซเชียลมีเดียว่า บริษัทเอกชนหลายแห่งยุบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็ไม่ยอมพูดให้จบว่าเขายุบเพื่อไปรวมกับกองใหญ่ จะต้องแก้ข่าว เพราะการทำอะไรก็ตามจะต้องทำทุกอย่างให้ดีร่วมกัน” นายสมคิดกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องนี้ เสมือนมีความเป็นห่วงเรื่องรายได้ของประเทศ และกังวลว่ารัฐบาลจะถังแตกหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า รัฐบาลไม่มีถังแตกอยู่แล้ว เพราะดูจากสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพี ยังมีช่องว่างอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จะเห็นว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน (พีพีพี) ไม่ใช่ว่าอะไรๆ รัฐบาลก็จ่าย แต่ต้องทำร่วมกัน
“การขึ้นภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมจะต้องดูจังหวะและเวลาที่มีความเหมาะสม เพื่อให้ดูว่าคนที่จะรับภาระคือใคร สำหรับแวตนี้จะเป็นการเก็บภาษีทางอ้อม คนจนคนรวยเสียภาษีเท่ากัน ถ้าจะขึ้นก็ต้องมีวิธีช่วยคนจนด้วย อย่างตอนนี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและไปได้ดี เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่จังหวะที่จะมากระชากเวลา อย่างญี่ปุ่นยิงธนู 3 ดอก แต่ทำเร็วเกินไป เศรษฐกิจที่กำลังดีจึงทิ่มหัวมา 2 ปี จึงมองว่าการปฏิรูปโครงสร้างภาษีทางกระทรวงการคลังจะต้องทำอย่างรอบคอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นให้ฟังจากปากหรือเสียงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อย่าไปฟังเสียงคนอื่น โดยเฉพาะตามโซเชียลมีเดียทั้งหลาย” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า ทุกคนมีความกังวลลึกๆ ในเรื่องรายได้ของประเทศ เพราะสังคมเรามีคนแก่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งไทยไม่ใช่รัฐสวัสดิการ อย่างชาวนาไม่มีระบบประกันสังคม อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแวต แต่เป็นเรื่องภาษีทั้งระบบ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ซึ่งตนเคยบอกว่าถ้าจัดสรรงบประมาณดี ไม่ซ้ำซ้อนกัน ก็จะมีงบประมาณเพียงพอไว้สำหรับใช้อย่างอื่น แต่ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องเดียวคือขาดการจัดสรรงบประมาณที่ถูกต้อง และขาดการสร้างความพร้อมให้กับท้องถิ่นว่าควรจะจัดการอย่างไร