จัดเต็ม ฉายาสภา ประจำปี 2562 ไร้คนดีศรีสภา ส่วนสภาผู้แทน เจอฉายา ดงงูเห่า

จัดเต็ม ฉายาสภา ประจำปี 2562 ไร้คนดีศรีสภา ส่วนสภาผู้แทน เจอฉายา ดงงูเห่า

https://hilight.kapook.com/

             มาแล้ว ฉายาสภา ประจำปี 2562 ยก สภาล่ม เป็นเหตุการณ์แห่งปี ขณะที่สภาผู้แทนราษฎร รับฉายา ดงงูเห่า ส่วนวาทะแห่งปี คือ ตัดพี่ตัดน้อง

วันที่ 28 ธันวาคม 2562 เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่า สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ได้มีความเห็นร่วมกันที่จะตั้งฉายาสภาอีกครั้ง ในปี 2562 ภายหลังเว้นวรรคการตั้งฉายาไปนานถึง 5 ปี ซึ่งจะมุ่งสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติในรอบปีที่ผ่านมา

โดยสำหรับ ฉายาสภา ประจำปี 2562 สามารถสรุปได้ดังนี้

1. เหตุการณ์แห่งปี : สภาล่ม

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง 2 วันติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน และ 28 พฤศจิกายน ระหว่างการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44

โดยเริ่มจากการที่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตให้กับฝ่ายค้าน ซึ่งจะต้องนำมาสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แต่ปรากฏว่า ส.ส. รัฐบาล ใช้เสียงข้างมากจนนำมาสู่การนับคะแนนใหม่ ซึ่งก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนดังกล่าวจะต้องมีการนับองค์ประชุมก่อน ทว่ามี ส.ส. ร่วมเป็นองค์ประชุม 92 คน แม้จะมีการนัดประชุมอีกครั้งในวันถัดไป แต่ก็ยังมี ส.ส. เพียง 240 คนไม่ครบองค์ประชุม จนนับเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียให้กับสภาฯ ในยุคของ นายชวน หลีกภัย

2. สภาผู้แทนราษฎร : ดงงูเห่า

การหายไปของสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวลากว่า 5 ปี ทำให้สภาฯ ถูกตั้งความหวังไว้ว่าจะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ แต่จะด้วยผลกระทบจากรัฐธรรมนูญที่ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพหรือเป็นนิสัยส่วนบุคคล ถึงได้เป็นช่องทางที่ทำให้ปรากฎการณ์ซึ่งถูกเรียกว่า “งูเห่า” เกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการประกาศตัวเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” เพื่อตรวจสอบรัฐบาล แต่เมื่อผ่านไปสักระยะก็ยุติการเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไปจนถึงการลงคะแนนสวนทางกลับมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายครั้ง ทั้งการพิจารณาพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพล ไปจนถึงการร่วมเป็นองค์ประชุมสภาฯ ก่อนจะลงมติล้มไม่ให้เกิดการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรา 44 ได้เป็นผลสำเร็จ

3. วุฒิสภา : สภาทหารเกณฑ์

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้มีวุฒิสภาแบบพิเศษขึ้นมา กล่าวคือ แม้รัฐธรรมนูญจะหมวดว่าด้วยวุฒิสภาที่ให้มีการลงคะแนนเลือกกันเองจากบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพ แต่ใน 5 ปีแรกกลับให้ ส.ว. มาจากการเลือกของ คสช. รวมกับผู้บัญชาเหล่าทัพโดยตำแหน่งเป็นจำนวน 250 คน

นอกจากนี้ ส.ว. ชุดปัจจุบัน มีจำนวนไม่น้อยมาจากบุคคลที่เคยเป็นสมาชิก สนช. ที่ คสช. เคยแต่งตั้ง ด้วยเหตุนี้ทำให้ ส.ว. เปรียบเสมือนเป็นทหารที่ถูก คสช. เกณฑ์เข้ามา ซึ่งไม่เพียงแค่มีหน้าที่ในระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแรก แต่ยังอีกภารกิจ คือ การสานต่องานของ คสช. ให้จบ โดยเริ่มให้เห็นแล้วจากการพร้อมใจเทคะแนนเลือก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และในอนาคตกำลังจะมีหน้าที่ปกป้องรัฐธรรมนูญเป็นภารกิจต่อไป

4. ประธานสภาผู้แทนราษฎร : มีดโกนขึ้นสนิม

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในตำนานการเมืองที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยเป็น ส.ส. ที่มีพรรษาทางการเมืองมากที่สุด และมีบารมีเต็มเปี่ยมจนได้กลับเข้ามาเป็นประธานสภาฯ อีกครั้ง

ทว่าแม้จะมีความตั้งใจจะให้ประชาชนกลับมาศรัทธาสภา แต่เอาเข้าจริงมีดโกนอาบน้ำผึ้งที่เคยบาดลึกแหลมคมกำลังขึ้นสนิมอย่างเห็นได้ชัด ภายหลังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสภาได้ เช่น การวินิจฉัยเรื่องการนับคะแนนใหม่ในญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรา 44 จนนำมาสู่เหตุการณ์สภาล่ม ไปจนถึงการพยายามลอยตัวกับปัญหาต่าง ๆ อย่างความขัดแย้งในคณะกรรมาธิการสามัญหลายคณะ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้นำสูงสุดของสภา

5. ประธานวุฒิสภา : ค้อนยาง

ก่อนจะขึ้นเป็นประธานวุฒิสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย เคยดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาก่อน ซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เมื่อมาทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา สมาชิกรัฐสภากลับไม่ยำเกรงในบารมี ดังจะเห็นได้จากการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณานโยบายของคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่าทุกครั้งที่นายพรเพชรขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมในฐานะรองประธานรัฐสภา จะถูก ส.ส. ลองของจนควบคุมการประชุมไม่ได้

โดยเฉพาะการปะทะคารมกันระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ และ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จนนำมาซึ่งความวุ่นวายกลางที่ประชุม แม้ประธานวุฒิสภาจะพยายามใช้ค้อนทุบบนโต๊ะเพื่อหวังให้เกิดความสงบ แต่กลับได้ผลตรงข้าม จึงเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นว่าค้อนไม้ที่ถือไว้ในมือนั้นเป็นเพียงแค่ค้อนยางเท่านั้น

6. ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร : ขนมจีนไร้น้ำยา

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ ในภาวะที่ฝ่ายค้านไม่ได้เป็นลูกไล่รัฐบาล ทว่าฝ่ายค้านยังไม่อาจแสดงศักยภาพในการตรวจสอบรัฐบาลให้เป็นที่ประจักษ์ เมื่อเทียบกับผู้นำฝ่ายค้านฯ ในอดีต อีกทั้งยังไม่ปรากฎบทบาทการเป็นผู้นำเพื่อให้การทำงานของสภาฯ เกิดความสมานฉันท์และเป็นที่จดจำ จึงไม่ต่างอะไรกับขนมจีนที่ดูน่ารับประทาน แต่เมื่อไร้น้ำยารสเลิศแล้วก็ทำให้ขนมจีนจานนั้นไม่ได้อยู่ในสายตา

7. วาทะแห่งปี : ตัดพี่ตัดน้อง

วาทะนี้เป็นของ พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งพูดกลางที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างการนำเสนอนโยบายของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เพื่อแก้ข้อกล่าวหาเรื่องการเข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่สุจริตของ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์

โดย พล.อ. ประยุทธ์ ตอบโต้ว่า เรารู้จักกันมานาน ท่านเป็นรุ่นพี่ผม แต่งงานวันเดียวกัน แต่วันนี้ไม่ถือว่าเป็นรุ่นพี่อีกแล้ว เพราะท่านไม่เกียรติผม เคยพูดว่าจะชักปืนยิงผม ถ้ายิงจริง ท่านก็ติดคุกไปแล้ว ท่านพูดจาหยาบคาย เหรียญรามาผมก็ได้ แต่ไม่เคยอวดอ้างอำนาจ ให้ไปทบทวนตัวเอง

8. คู่กัดแห่งปี : ปารีณา VS พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์

เรียกว่าเป็นมวยถูกคู่ แม้จะต่างวัย สำหรับ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกพรรคส่งมาเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน เพื่อปกป้อง พล.อ. ประยุทธ์ ภายหลัง พล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ พยายามเชิญนายกฯ มาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ

ซึ่งนางสาวปารีณาพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง ถึงขั้นมีการผลัดกันยื่นเรื่องให้ตรวจสอบกันเองภายในคณะกรรมาธิการ จนงานอื่น ๆ ของคณะกรรมาธิการเดินหน้าไม่ได้ และกรรมาธิการหลายคนทยอยลาออก เพราะไม่ต้องการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง

9. ดาวเด่น : ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่

จากคนที่เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญนอกสภา แล้ววันหนึ่งก็ได้เดินเข้าสภาในนามพรรคอนาคตใหม่ เหตุผลหลักที่ทำให้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือ อาจารย์ป๊อก ได้รับตำแหน่งดังกล่าว คือ การเปิดประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ครบถ้อยคำตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมแสวงหาความชัดเจนจากรัฐบาลมาร่วมเดือน จนนำมาสู่การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ไม่เพียงเท่านี้ ตลอดการทำหน้าที่อภิปรายในสภาไม่ได้ใช้แต่เพียงวาทศิลป์เท่านั้น เพราะทุกถ้อยคำล้วนมีเหตุผลทางวิชาการและกฎหมายรองรับ จึงทำให้คว้าตำแหน่งนี้ไปอย่างลอยลำ ด้วยความหวังว่าเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่จะสามารถรักษามาตรฐานที่วางไว้ไปให้ตลอด

10. ดาวดับ : ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ
ฉายาสภา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปารีณา ไกรคุปต์

เมื่อมีดาวเด่นก็ต้องมีดาวดับ และ เอ๋ ปารีณา ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเธอได้สร้างกระแสในแง่ลบผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นระยะ แม้จะแสดงบทบาทในการตรวจสอบการถือครองที่ดินของมารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่กลับเป็นคนที่ไม่ยอมรับการตรวจสอบเสียเองในเรื่องการถือครองที่ดินที่ จ.ราชบุรี ซึ่งทุกครั้งที่ถูกผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความโปร่งใส กลับพยายามบ่ายเบี่ยงหลายครั้ง ถึงขนาดที่กล่าวอ้างว่าได้ทำเอ็มโอยูกับนักข่าวที่จะยุติการสัมภาษณ์เรื่องนี้แล้ว โดยไม่มีหลักฐาน

11. คนดีศรีสภา : ไม่มีผู้เหมาะสม