นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีพื้นฐานที่เเข็งแกร่ง เติบโตได้อย่างน่าพอใจ คาดว่าในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5 – 4% หนี้สาธารณะต่อจีดีพีมีสัดส่วนเพียง 45% และมีเงินตราต่างประเทศสูงถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และรัฐบาลจะดูแลการบริหารหนี้อย่างเหมาะสม ไม่ให้เกิดปัญหากระทบต่อฐานะการคลังอย่างแน่นอน ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ ประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น จึงเชื่อว่านักลงทุนจะหันมาสนใจประเทศไทย และพร้อมเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้จะสูงขึ้นกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 584,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในหลายด้านที่มาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ที่เกิดจากประเทศมหาอำนาจ ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ที่ผ่านมาถือว่าไทยยังสามารถสร้างเกราะป้องกันตัวได้ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของประเทศในภูมิภาค โดยหลายประเทศต้องเริ่มเตรียมพร้อม ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การผลิต เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายการลงทุน ทำให้การรวมตัวกันของประเทศในเอเชียจะเข้ามาแทนที่ประเทศมหาอำนาจเก่า ซึ่งจะสามารถสร้างพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ได้