อัญเชิญพระราชลัญจกร ร.9 “สวีเดน” ถวายพระเกียรติยศสูงสุด

https://www.matichon.co.th/news/

วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ไม่เพียงแต่เป็นวันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศและทั่วโลกที่เฝ้ารอจะส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยเป็นครั้งสุดท้าย ในวันเดียวกันที่ประเทศสวีเดน ยังจะมีการจัดพิธีอัญเชิญพระราชลัญจกรพิเศษ (ตราพระครุฑพ่าห์) เพื่อถวายพระเกียรติยศแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จากพระราชวังกรุงสตอกโฮล์ม ไปยังโบสถ์รีดด้าร์โฮล์ม ในกรุงสตอกโฮล์ม อีกด้วย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2493 หรือเมื่อ 67 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสรยาภรณ์ชั้นสูงสุดของสวีเดน โดยสำนักพระราชวังสวีเดนได้จัดทำพระราชลัญจกรพิเศษ (ตราพระครุฑพ่าห์) ขึ้น ตามแนวปฏิบัติที่สำนักพระราชวังสวีเดนจะต้องจัดทำพระราชลัญจกรพิเศษสำหรับพระประมุขและพระราชินีที่ได้รับการถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว โดยจะเก็บรักษาพระราชลัญจกรพิเศษนี้ไว้ที่พระราชวังกรุงสตอกโฮล์ม

เมื่อพระประมุขเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังสวีเดนจะจัดพิธีอัญเชิญพระราชลัญจกรพิเศษไปประดับที่โบสถ์รีดด้าร์โฮล์ม ในวันเดียวกับที่มีพระราชพิธีพระบรมศพในประเทศนั้นๆ และจะมีการตีระฆังโบสถ์นานต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบต่อมาตั้งแต่ พ.ศ. 2291 เรียกว่าพิธีตีระฆังแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม (Serafimerringning)

โบสถ์รีดด้าร์โฮล์ม หรือ รีดด้าร์โฮล์มชีร์กั้น ในภาษาสวีเดน ตั้งอยู่บนเกาะรีดด้าร์โฮลเม้น (Riddarholmen) ซึ่งแปลว่าเกาะขุนนาง ใกล้พระราชวังกรุงสตอกโฮล์ม โบสถ์ดังกล่าวสร้างขึ้นในยุคกลาง ประมาณปลายศตวรรษที่ 136 เริ่มแรกใช้เป็นอารามในนิกายคาทอลิก แต่ต่อมาเมื่อประเทศสวีเดนได้มีการปฏิรูปศาสนาจึงเปลี่ยนเป็นนิกายโปรเตสแตนต์

โบสถ์รีดด้าร์โฮล์มเป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของพระเจ้ากุสตาฟที่ 2 อาดอล์ฟ ผู้สร้างประเทศสวีเดนเป็นมหาอำนาจใน พ.ศ. 2175 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโบสถ์รีดด้าร์โฮล์มได้ใช้เป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของพระราชวงศ์สวีเดนจนถึง พ.ศ. 2493 ซึ่งเป็นพระบรมศพของสมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 5 เป็นองค์สุดท้าย

โบสถ์รีดด้าร์โฮล์มยังถูกใช้เป็นที่เก็บพระราชลัญจกรพิเศษสำหรับพระประมุขที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม (The Order of the Seraphim) ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของสวีเดนด้วย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีมของสวีเดนจัดสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งสวีเดน เมื่อปี พ.ศ. 2291 มีพระประมุข พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการการถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีมจำนวน 878 พระองค์ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยมีรายพระนามตามลำดับปีแห่งการทูลเกล้าฯ ถวายดังนี้
1.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5)
2.พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6)
3.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
4.สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
5.พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7)
6.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ร.9)
7.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
8.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
9.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
10.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
11.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

ดังนั้นในวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 11.55 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสวีเดน กองทหารเกียรติยศจะอัญเชิญพระราชลัญจกรพิเศษ (ตราพระครุฑพ่าห์) จากพระราชวังกรุงสตอกโฮล์มไปโบสถ์รีดด้าโฮล์ม และในระหว่างเวลา 12.00-13.00 น. จะมีพิธีตีระฆังแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม กล่าวว่า สมเด็จพระราชาธิบดี คาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย ทรงมีความผูกพันกับประเทศไทยอย่างยิ่ง ทั้งสองพระองค์เสด็จเยือนไทยเป็นการส่วนพระองค์หลายครั้ง รวมทั้งยังได้เสด็จฯ มาเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร เมื่่อปี 2549 โดยในครานี้สมเด็จพระราชินีซิลเวียก็เสด็จฯ มาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถพิตร ที่ประเทศไทยด้วย

เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ

ท่านทูตเกียรติคุณกล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทยในสวีเดนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถพิตรได้รับการถวายพระเกียรติยศสูงสุดจากสมเด็จพระราชาธิบดี คาร์ลที่ 16 กุสตาฟ ซึ่งตนและภริยาพร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยในสวีเดนทุกคนจะไปเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และมั่นใจว่าจะมีคนไทยในสวีเดนและครอบครัวไปร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก เพราะแม้แต่ครอบครัวของคนไทยในสวีเดนจะเป็นชาวสวีดิชแต่ก็ล้วนมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านเป็นอย่างมากเช่นกัน