https://www.matichon.co.th/news/
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศว่าจีนกำลังเข้าสู่ “ยุคใหม่” แห่งความท้าทายและโอกาส พร้อมให้คำมั่นว่าจีนจะเปิดประตูเศรษฐกิจของตนเองสู่โลกมากขึ้น ในการกล่าวสุนทรพจน์เปิดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นวันแรก ที่มหาศาลาประชาคม ในกรุงปักกิ่งของจีน ซึ่งเป็นที่จับตาของเหล่านักลงทุนต่างชาติว่าจีนจะเดินหน้าแผนปฏิรูปเศรษฐกิจระบบตลาดของจีนอย่างไรต่อไป ท่ามกลางการคาดหมายว่าการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งนี้จะเป็นการมุ่งส่งเสริมอำนาจในมือที่แข็งแกร่งมากขึ้นของนายสีที่คาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดต่อไปเป็นสมัยที่ 2 ในวาระ 5 ปี
นายสีกล่าวกับตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากทั่วประเทศราว 2,300 คน ที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ว่า พรรคจะต้องร่วมกันต่อต้านการกระทำใดๆที่มุ่งทำลายผู้นำพรรคในการนำประเทศผ่านช่วงเวลาที่มีเดิมพันสูงในการพัฒนา
“สถานการณ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและซับซ้อน การพัฒนาของจีนอยู่ในระยะของการมีโอกาสทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นโอกาสที่สดโส แต่มีความท้าทายรุนแรง” นายสีกล่าว และว่า ระบบสังคมนิยมที่เป็นลักษณะเฉพาะของจีนกำลังเข้าสู่ยุคใหม่
ประธานาธิบดีสียังใช้เวทีประชุมในการเชิดชูอิทธิพลของจีนที่แผ่ขยายบนเวทีโลก การมุ่งต่อสู้กับความยากจนและความไม่เท่าเทียมในประเทศ ตลอดจนการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบภายในพรรคคอมมิวนิสต์ ผู้นำจีนยังโน้มน้าวถึงความพยายามที่จะให้มีการปรับโครงสร้างกองทัพและการสร้างเกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้ที่มีปัญหาพิพาททับซ้อน
นอกจากนี้นายสียังให้คำมั่นว่าจะเปิดเศรษฐกิจของจีนสู่โลกภายนอกมากขึ้น โดยกล่าวว่า “การเปิดกว้างนำความก้าวหน้ามาสู่ตัวเราเอง การเก็บตัวจากโลกภายนอกจะทำให้ล้าหลัง จีนจะไม่ปิดประตูให้โลก แต่จะเปิดกว้างให้มากและมากยิ่งขึ้น” นายสียังให้คำมั่นที่จะปกป้องสิทธิตามกฎหมายและผลประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติ และว่า ภาคธุรกิจทั้งหมดที่จดทะเบียนในจีนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
การประชุมครั้งนี้ที่จะเป็นการกำหนดแผนบริหารประเทศในระยะ 5 ปีข้างหน้าของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังมีขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนที่การประชุมจะปิดฉากลงในวันที่ 24 ตุลาคม โดยในการประชุมยังจะมีการเลือกสมาชิกระดับสูงใหม่ของพรรค รวมถึงคณะกรมการเมืองถาวรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นคณะทำงานที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่าประธานาธิบดีสี และ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะยังดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะทำงานที่ทรงอิทธิพลชุดนี้ต่อไป ขณะที่คาดว่าจะมีสมาชิกคณะกรมการเมืองฯ 5 คนที่จะลงจากตำแหน่งเนื่องจากเกษียณอายุการทำงานที่พรรคกำหนดไว้ที่ 68 ปี
มีความเห็นจากนักวิเคราะห์ระบุว่า นายสีที่ถูกมองว่าเป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดนับจากนายเติ้ง เสี่ยวผิง เขาอาจใช้การประชุมใหญ่ครั้งนี้ที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี ในการวางหลักการใหม่ที่อาจทำให้ตัวเขาเองอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดของพรรคได้มากกว่า 10 ปี หรือ 2 สมัยตามหลักปฏิบัติที่มีมาแต่ไม่มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรในการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งไว้ที่ 2 สมัยแต่อย่างใด