https://www.matichon.co.th/news/
เว็บไซต์เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ถอนตัวออกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก องค์กรที่สหรัฐร่วมก่อตั้งเมื่อปี 1945 พร้อมทั้งโจมตีองค์การยูเนสโกว่า เป็นองค์กรที่มีความลำเอียงและมีแนวคิดต่อต้านอิสราเอล พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
นางฮีเธอร์ นอเอิร์ต โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะจัดให้มีตัวแทนสังเกตการณ์แทนที่ตัวแทนสหรัฐอเมริกาในองค์การยูเนสโก โดยการถอนตัวดังกล่าวนั้นจะมีผลในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
รายงานข่าวระบุว่า สหรัฐอเมริกาไม่พอใจองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 2554 ที่ยูเนสโกเห็นชอบให้ปาเลสไตน์ เป็นหนึ่งในชาติสมาชิก แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากอิสราเอล ขณะที่สหรัฐไม่เห็นด้วยที่องค์กรของยูเอ็นแห่งนี้รับรองปาเลสไตน์ในฐานะประเทศ โดยระบุว่า การให้การยอมรับดังกล่าวควรมีขึ้นหลังการเจรจาข้อตกลงสันติภาพในตะวันออกกกลาง
จากความไม่พอใจดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐยกเลิกเงินงบประมาณสนับสนุนยูเนสโกในปีดังกล่าวเพื่อเป็นการประท้วง ขณะที่รัฐบาลสหรัฐ นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ได้ทบทวนพันธกรณีที่สหรัฐมีในข้อตกลงพหุพาคีหลายกรณีเพื่อทำตามนโยบายต่างประเทศ “อเมริกาต้องมาก่อน”
“การตัดสินใจดังกล่าวผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ และสะท้อนความกังวลของสหรัฐที่มีต่อทั้งหนี้สินที่พอกพูนของยูเนสโก ความจำเป็นในการฏิรูปองค์กรจากรากฐาน รวมถึงอคติต่อต้านอิสราเอลในยูเนสโก” นูเอิร์ต ระบุ
ด้านอิรีนา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ระบุว่า รู้สึกเสียใจที่สหรัฐตัดสินใจถอนตัวจากยูเนสโก และว่า การตัดสินใจของสหรัฐนับเป็นคามสูญเสียต่อนโยบายตามข้อตกลงพหุพาคี และนับเป็นความูญเสียของครอบครัวยูเอ็น