เป็นคนที่ทำกิจกรรมจิตอาสาอยู่เป็นประจำ สำหรับ ปู – ไปรยา ลุนด์เบิร์ก โดยล่าสุดวันนี้ (31 ม.ค.) เธอก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR คนแรกของประเทศไทและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซึ่ง ปู ได้เปิดใจว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทูตสันถวไมตรีคนแรกของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะที่ผ่านมาตนมีโอกาสร่วมงานกับ UNHCR มาสามปีแล้ว ในการเป็นกระบอกเสียงและช่วยรณรงค์ให้กับผู้ลี้ภัย ซึ่งการทำงานตรงนี้ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยหรือหนัก เพราะในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

“สำหรับปูถ้าเปรียบกับชีวิตของผู้ลี้ภัยมันไม่ได้หนักเลย การทำงานเพื่อมนุษยธรรมและสังคมเป็นสิ่งที่ดาราควรจะทำ อาชีพดาราถูกสร้างขึ้นมาเพราะสังคม ถ้าไม่มีสังคมก็ไม่มีอาชีพเรา ซึ่งมีหลายเรื่องในสังคมที่เราลงมาช่วยได้ ตอนนี้ปูรู้สึกว่าปัญหาผู้ลี้ภัยอยู่ในช่วงวิกฤติของโลก มีคนกว่า 65,000,000 คนทั่วโลกต้องหนีออกจากบ้านตัวเอง ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนมนุษย์ก็ต้องร่วมมือกันช่วยเหลือ” ปู บอก

พร้อมเล่าว่า เมื่อสามปีที่แล้ว ตนเป็นฝ่ายส่งอีเมลไปหา UNHCR เพราะอยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างจริงจัง ซึ่งช่วงนั้นเป็นจังหวะที่มีข่าวเรื่องชาวซีเรียและโรฮิงญาพอดี พอทาง UNHCR ติดต่อกลับมาตนก็ได้ไปประชุมที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ(UN) แล้วก็พยายามพิสูจน์ตัวเอง จนรู้สึกได้ว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นมีค่าแค่ไหน

ปู บอกอีกว่า ในวันที่ 5 ก.พ. ตนจะบินไปประเทศจอร์แดนเพื่อเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัย หลังจากนั้นตนจะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเอาเรื่องราวมาเล่าสู่ทุกคนฟังอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ก็จะช่วยรณรงค์และระดมทุนให้กับผู้ลี้ภัย ส่วนในอนาคตจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับ แอนเจลีน่า โจลี และ เคท บลานเชตต์ สองนักแสดงฮอลลีวูดที่ทำหน้าที่ทูตของ UNHCR หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจและไม่ได้มองเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะการทำงานเพื่อสังคมคือการอุทิศตนเพื่อผู้อื่น

“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัจจัยหลัก อย่างที่บอกว่าข้อเปรียบเทียบไม่ควรจะมี อย่างคุณโจลีอุทิศทั้งชีวิตในการทำงานกับ UNHCR กว่า 10 ปีแล้ว คนรู้จักโครงการ UNHCR หลายโครงการเพราะโจลี คุณเคต บลานเชตต์ ก็ทำงานมาหลายปีเช่นกัน ส่วนปูเข้ามารับตำแหน่งนี้ได้ไม่กี่วันคงอีกหลายปีกว่าจะได้เจอพวกเขา”

“การทำงานให้กับสังคมไม่ได้เป็นการสร้างภาพหรือบอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ปูคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของคนในยุคนี้ ถ้าจะรอให้ถึงยุคต่อไปมันอาจจะสายเกินไปที่จะทำสิ่งดีๆ ให้กับรุ่นลูกหลาน เราต้องเป็นตัวแทนของสันติภาพและการอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ของปูก็รู้ว่านี่คือเหตุผลหลักที่ปูอยากทำ ตอนเด็กๆ ปูยังหาเป้าหมายในชีวิตจริงๆ ไม่เจอ และปูรู้สึกว่าเป้าหมายที่ทำให้ปูมุ่งมั่นในการทำงานทั้งเมืองไทยและเมืองนอกไม่ใช่แค่ชื่อเสียง เพราะสุดท้ายแล้วเราเอากลับไปไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดก็คือการอุทิศชีวิตให้ผู้อื่นและเพื่อนมนุษย์ พอปูได้ทำสิ่งนี้คุณพ่อคุณแม่ก็รู้ว่าปูสงบขึ้นเยอะและรู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมายมากขึ้น เขาภูมิใจที่ในวันนี้เรารู้แล้วว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร”

“จริงๆ การทำงานซับซ้อนและสเกลมันใหญ่มาก ทางออกไม่ได้มีอยู่วันเดียว แต่สำหรับปูสิ่งที่เราได้เป็นผู้ให้และช่วยเหลือคนอื่น ช่วยคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ก็คือความสุขที่แท้จริง ถ้าเรามีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น เพื่อสังคม เพื่อครอบครัว มันคือชีวิตที่สวยงาม สิ่งที่ปูได้คือวันนึงถ้าปูไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วอย่างน้อยปูได้พยายามมอบโลกที่ดีกว่าที่ปูได้เดินเข้ามาให้กับลูกหลานของปู ถามว่าจะทำงานนี้ไปตลอดชีวิตเลยใช่มั้ย ใช่ค่ะ มันอาจจะดูเป็นคำตอบที่สวยงาม แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าคนทำงานสังคมก็เพราะตัวเราชอบด้วยและมันเป็นคุณค่าที่วัดไม่ได้ การที่เราได้เห็นคนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้นมันสร้างคุณค่าให้กับชีวิตตัวเอง”

สำหรับเรื่องความรักกับหนุ่มต่างชาติ แมทธิว แบรก นั้น ปูว่าก็เป็นไปด้วยดี ขณะที่กับ โน้ต – วิเศษ  รังษีสิงห์พิพัฒน์ ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน โดยเดือนมีนาคมจะบินไปทำงานร่วมกันที่ญี่ปุ่น ซึ่งแมทธิว ก็เข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างตนและโน้ตเป็นอย่างดี เพราะตนเป็นคนชัดเจนกับทุกเรื่องอยู่แล้ว