นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ภาษีสรรพสามิตมีผลในวันที่ 16 กันยายน ส่งผลให้อัตราภาษีของ 15 สินค้า และ 4 บริการ ต้องปรับใหม่ เนื่องจากฐานในการคิดภาษีเปลี่ยนมาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ จากเดิมภาษีจากราคาขายส่งหน้าโรงงานหรือราคานำเข้า ซึ่งอัตราภาษีเปลี่ยนใหม่ ส่วนใหญ่ไม่สร้างภาระให้กับสินค้า ยกเว้นในสินค้า 3 กลุ่มมีภาระภาษีเพิ่ม คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ เบียร์ ไวน์ สุรา เครื่องดื่มค่าความหวานสูง ชา กาแฟ น้ำอัดลม และกลุ่มรถยนต์นำเข้าเคยแจ้งราคานำเข้าต่ำๆ และนำมาขายในราคาสูง เสียภาษีแพงขึ้นกว่ารถยนต์ผลิตในประเทศ โดยการปรับภาษีครั้งนี้มีผลทำให้ภาพรวมการจัดเก็บภาษีของกรมเพิ่มขึ้นปีละ 12,000 ล้านบาท
นายสมชาย กล่าวว่า ภาพรวมของภาระภาษีสินค้า 3 ชนิดดังกล่าว เช่น น้ำอัดลม กลุ่มไม่มีน้ำตาล แม็ก ซีโร่ ภาษีลดลง 0.25-0.36 บาทต่อขวดหรือกระป๋อง, น้ำอัดลมธรรมดา เสียเพิ่มขึ้น 0.13-0.50 บาทต่อขวดหรือกระป๋อง,เครื่องดื่มบำรุงกำลังเสียเพิ่มขึ้น 0.32-0.90 บาทต่อกระป๋องหรือขวดยกเว้นขนาด 150 ซีซีลดลง 0.11 บาท ,ส่วนน้ำพืชผักผลไม้ ภาษีเพิ่มขึ้น 0.06-0.54 บาทแล้วแต่ขนาดและน้ำตาล ,ชาเขียวเพิ่มขึ้น 1.13-2.05 บาท , กาแฟ 1.35 บาท
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนเบียร์เพิ่มขึ้น 0.50-2.66 บาท ,เบียร์ราคาแพงเสียภาษีลดลง 0.99-2.05 บาท ,สุราขาว เพิ่มขึ้น 0.84-3.49 บาทตามขนาดและดีกรี,สุรากลั่นในประเทศเพิ่มขึ้น 8-30 บาท, สุรากลั่นนำเข้าลดลง 3-26 บาท, ไวน์ในประเทศ ลดลง 25 บาท ,ไวน์นำเข้าเพิ่มขึ้น 110 บาท แต่บางชนิดลดลง, บุหรี่ราคาถูกต่ำกว่า 60 บาต่อซองภาระภาษีเพิ่มขึ้น 4-15 บาท , บุหรี่ราคาแพงเพิ่มขึ้น 2-14 บาท ,รถยนต์นำเข้าราคาแพงขาย 10 ล้านบาทขึ้นไป ภาระเพิ่มกว่า 5 แสนบาทต่อคัน , ส่วนรถยนต์ผลิตในประเทศราคา 8 แสนบาท-1 ล้านบาท ภาระไม่เปลี่ยนแปลง
นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับสินค้าอื่นๆ เช่น น้ำมันเบนซิน และดีเซล อัตราภาษีไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเก็บจากปริมาณด้านเดียว ส่วนที่ปรับภาษีลดลง เพราะอิงราคาขายปลีกแนะนำ แต่ภาระภาษีในภาพรวมไม่เปลี่ยนแปลง เช่น แบตเตอรี่ จักรยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมและเครื่องสำอาง สำหรับภาษีคงเดิม คือ ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์