https://www.matichon.co.th/news/
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิด “ปรากฏการณ์” ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ สหรัฐอเมริกา มูลค่าหุ้น “อเมซอน” ถูกแรงส่งดันขึ้นสู่ระดับราคาสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
จำเพาะเพียงแค่นั้นยังไม่อาจถือเป็นปรากฏการณ์ใดๆ ได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะราคาหุ้นที่สูงขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของ “เจฟฟ์ เบซอส” ผู้ก่อตั้งบริษัทพาณิชยกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซแห่งนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อยู่ที่ระดับใกล้กับ 91,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรเข้ามา ส่งผลให้เมื่อสิ้นสุดวันซื้อขาย มูลค่าหุ้นตกกลับลงมาแกว่งตัวอยู่ที่ระดับเดิม เช่นเดียวกับทรัพย์สินรวมของเบซอส
ช่วงเวลาสั้นๆ ดังกล่าวถือเป็น ปรากฏการณ์ เนื่องเพราะ ณ เวลานั้น ทรัพย์สินรวมของเบซอสเพิ่มขึ้นแซงหน้าทรัพย์สินรวมของ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหารสูงสุดของไมโครซอฟท์ ที่ถูกระบุว่าเป็น มนุษย์ที่มั่งคั่งที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ กลายเป็นคนรวยที่สุดในโลกคนใหม่อยู่หลายชั่วโมงทีเดียว
ส่งสัญญาณให้เห็นชัดเจนว่า ในอีกไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ สถานะ รวยที่สุดในโลก กำลังจะเปลี่ยนมือ โดยถาวร เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
และตามข้อมูลของฟอร์บส์ และซีเอ็นบีซี เบซอสจะเป็นมนุษย์คนที่ 6 เท่านั้นที่ก้าวขึ้นสู่สถานะนี้ได้สำเร็จ ในช่วงระยะเวลายาวนานถึง 30 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น การผงาดขึ้นมาสู่สถานะรวยที่สุดในโลกของเบซอส ยังมีน้ำหนักในเชิง สัญลักษณ์ ที่แสดงให้เห็นถึง “โฉมหน้าใหม่” ในโลกแห่งความมั่งคั่ง เป็น ”อัครมหาเศรษฐี” ในแบบใหม่ ที่ไม่ใช่ผู้ผลิต ไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยีแบบผูกขาด ไม่ได้เป็นนักลงทุนอีกต่อไป หากแต่เป็นคนที่ริเริ่มและทำให้ “อีคอมเมิร์ซ” กลายเป็น ”กระดูกสันหลัง” ของโลกเศรษฐกิจใหม่บนเครือข่าย “เสมือนจริง” อย่างอินเตอร์เน็ต
เป็นคนที่สั่งสมทรัพย์สินมหาศาลจากศักยภาพในการเข้าถึงมวลชนมหาศาล โดยการผสมผสาน วัฒนธรรม เทคโนโลยี และสื่อเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียนและสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับ เจฟฟ์ เบซอส ก็คือ โดยข้อเท็จจริงแล้วเขาไม่ได้เริ่มเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้าน หากแต่ติดอยู่ในอันดับเศรษฐีพันล้านของฟอร์บส์มานานแล้ว นานเกือบ 20 ปี หลังจากที่เคยติดอันดับครั้งแรกเมื่อมีทรัพย์สินเกินพันล้านดอลลาร์ในปี 2541 (ค.ศ.1998) ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์ หลังนำหุ้นอเมซอน เสนอขายต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ)
อเมซอนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเบซอส ถึงปี 2550 (2007) ทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มเป็น 4,400 ล้านดอลลาร์ แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 18,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2555 (2012) ติดอยู่ในอันดับที่ 26 ของรายชื่อรวยที่สุดในโลก
นั่นหมายความว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทรัพย์สินของเบซอสเพิ่มขึ้นมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เขาถือหุ้นอยู่เพียง 79.9 ล้านหุ้น หรือ 17 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นอเมซอนทั้งหมด
มองย้อนกลับไป 5 ปีหลังมานี้ทรัพย์สินของเบซอสเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นการเพิ่มใน 2 ปีหลังมากถึง 45,000 ล้านดอลลาร์
เป็นไปได้ว่าเป็นความมั่งคั่งที่ เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดและมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่า ณ วันนี้ เบซอสอาจจะยังไม่ใช่คนรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อพิเคราะห์ดูแนวโน้มที่อเมซอน ยังไม่มีวี่แววว่าจะถดถอยหรือชะลอการเติบโตลง ทำให้เป็นไปได้ว่าเบซอสอาจกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่มีทรัพย์สินรวมเกิน 12 หลัก ตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์หุ้นที่เชื่อว่า มูลค่าหุ้นของอเมซอนอาจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว สู่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อหุ้น
นั่นหมายถึงว่า เบซอสจะกลายเป็น มนุษย์ล้านล้านดอลลาร์ เป็นรายแรก และอาจเป็นรายเดียวในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติก็เป็นได้
ข้อเท็จจริงว่าด้วยมูลค่าทรัพย์สินของคนรวยที่สุดในโลกทั้งหลาย แสดงให้เห็นว่าเศรษฐี-มหาเศรษฐีทุกวันนี้สามารถสั่งสมความมั่งคั่งได้เร็วและมากขนาดไหน
ในช่วงทศวรรษ 1980 ตอนที่ อัดนัน คาช็อกกี นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย ถูกยึดถือว่าเป็นคนรวยที่สุดในโลกนั้น มูลค่าสุทธิของทรัพย์สินทั้งหมดของคาช็อกกีมีเพียง 4,000 ล้านดอลลาร์
ถึงปี 2538(1995) เมื่อบิล เกตส์ กลายเป็นคนรวยที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดมีเพียง 12,900 ล้านดอลลาร์ แต่พอถึงปี 2548 (2005) ซึ่งยังคงเป็นเกตส์ที่รวยที่สุด มูลค่าทรัพย์สินกลับเพิ่มเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์
บิล เกตส์ เป็นมนุษย์ที่รวยที่สุดบนโลกใบนี้ใน 18 จาก 23 ปีหลัง ถูกคั่นกลางขัดจังหวะอยู่ชั่วครั้งคราวโดย คาร์ลอส สลิม นักธุรกิจเม็กซิกัน ซึ่งเป็นผู้ที่รวยที่สุดในช่วงปี 2553-2555 (2010-2012) กับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในโลกเมื่อปี 2551 (2008)
ความแตกต่างสำคัญระหว่างคนรวยที่สุดในโลก 2 คนอย่าง บิล เกตส์ กับ เจฟฟ์ เบซอส ก็คือ เบซอสยังคงทำหน้าที่บริหารและรังสรรค์องค์กรธุรกิจของตนอยู่อย่างต่อเนื่อง เบซอสเลี่ยงการพบพูดคุยกับสื่อมากกว่าเกตส์ น้อยครั้งจะยอมให้สัมภาษณ์ และที่สำคัญที่สุด เบซอสยังเป็นคนที่รักการขับเคี่ยวแข่งขันในโลกธุรกิจระดับ “ไฮเปอร์” อีกต่างหาก
ที่เหมือนกันระหว่างคนทั้งสองก็คือ น้อยครั้งที่จะเปิดเผยความมั่งคั่งของตัวเองให้โลกภายนอกได้รู้เห็น เบซอส ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ครอบครองที่ดินขนาดใหญ่ที่สุด ในสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของบ้านที่ แพงที่สุด ในวอชิงตัน ดี.ซี. นอกเหนือจากนั้นยังมีอีกหลายหลังในเบเวอร์ลี ฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และในนิวยอร์ก กับอีกหลายแห่งในเมืองเมดินา รัฐวอชิงตัน เป็นเจ้าของวอชิงตัน โพสต์ และเป็นผู้ก่อตั้ง บลู ออริจิน กิจการเพื่อการท่องเที่ยวอวกาศ
ที่ขัดแย้งกันอย่างหนักก็คือ “เจฟฟ์ เบซอส” ยังคงขับ ฮอนด้า แอคคอร์ดปี 1996 มานานทั้งๆ ที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านแล้วก็ตาม
ทั้งหมดนี้นั้น เริ่มต้นเมื่อตอนที่เบซอสยังคงทำงานอยู่กับบริษัท เฮดจ์ ฟันด์ ในนิวยอร์กบริษัทหนึ่งด้วยเงินเดือนน่าพอใจ แล้วเกิดปิ๊งไอเดียเมื่อเห็นหนังสือกองระเกะระกะในโรงรถที่เป็นจุดเริ่มต้นการ ขาย ผ่านอินเตอร์เน็ต
เมื่อกิจการทั้ง 2 อย่างขัดแย้งกันเพราะเวลาทำงาน เบซอสตัดสินใจลาออกจากเฮดจ์ ฟันด์ เพราะต้องการทำให้ฝันที่เขาหลงใหลปักใจเชื่อเป็นความจริงขึ้นมาให้ได้
เขาบอกในปาฐกถาที่ปรินซ์ตันในเวลาต่อมาว่า คิดว่าตัวเองคิดไม่ผิด ในการเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแทนที่จะเลือกเอาความร่ำรวย
ความร่ำรวยซึ่งเดินมาหาเจฟฟ์ เบซอส ในที่สุด