ปรบมือสนั่นสภาฯ รับมอบงานปฏิรูปชื่นมื่น”บิ๊กตู่”​ ร่ายยาว ขอให้กำลังใจกันบ้าง บ่นถูกแซะ ปลดรมต.ทุกวัน

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 31 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ครั้งที่ 31/2560 เป็นพิเศษ เพื่อส่งมอบงานของสปท.ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สมาชิก สปท. อดีตประธานและรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อดีตประธานและรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรง อธิบดี และเทียบเท่า เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ ก่อนพิธีจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการสมาชิกสปท.ทั้งหมดได้ถ่ายรูปร่วมกับนายกฯในห้องประชุมรัฐสภาด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัย ได้มีการตั้งกองอำนวยการร่วมทหาร ตำรวจ และตำรวจรัฐสภา เพื่อดูแลความปลอดภัยโดยรอบบริเวณรัฐสภา ถ.อู่ทองใน ซึ่งในวันนี้เพิ่มมาตรการเข้มข้นทุกจุด 100 เปอร์เซ็นต์ โดยนำเครื่องสแกนวัตถุระเบิดตั้งไว้ตั้งแต่บริเวณทางเข้าหน้าประตูรัฐสภา พร้อมกับตรวจบัตรประจำตัวข้าราชการ และบัตรประจำตัวสื่อมวลชน อย่างเคร่งครัด

จากนั้น เวลา 10.00 น.ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. กล่าวรายงานสรุปผลการดำเนินงานของสปท.ที่ผ่านมา ก่อนส่งมอบได้ส่งมอบหนังสือผลการดำเนินงานของสปท.และถ่ายรูปร่วมนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่มีความสำคัญมากอีกวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันที่แสดงถึงความสำเร็จของความร่วมมือร่วมใจในการทำงานของทุกฝ่าย นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 การทำงานของรัฐบาลและคสช.คิดในเชิงบริหารมาตลอด ไม่ได้คิดเพื่อจะสืบทอดอำนาจ การปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติมีเพื่อให้รัฐบาลในอนาคตดำเนินการต่อเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่มีหลายฝ่ายต่อต้าน ยืนยันอีกครั้งว่ายุทธศาสตร์ชาติไม่ได้ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อๆไป แต่เป็นการกำหนดเป้าหมาย โดยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่จะขึ้นในอนาคตนั้นสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องตามสถานการณ์ได้ นโยบายของพรรคการเมืองต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ

“วันหน้าถ้าหาเสียง ลองดูสิครับว่าพรรคไหนจะหาเสียงตรงกับกรอบยุทธศาสตร์ที่มีแค่ 6 ข้อบ้าง ไม่ใช่หาเสียงว่าจะตั้งราคานี้ราคาโน้น ที่พูดแบบนี้ผมไม่ได้ว่าผิดหรือว่าถูกนะ เดี๋ยวจะหาผมว่า เขาผิดก่อนศาลตัดสิน อยู่ที่ศาลพิจารณาตามหลักฐาน หลายคนบอกว่าผมอย่าไปซ้ำเติม แต่ผมก็ไม่เคยไปซ้ำเติม เป็นเรื่องขององค์กรอิสระ ตอนนี้คนไทยชอบตัดสินเองทุกเรื่อง เมื่อเช้าดูข่าวก็ตัดสินให้ผม ผมดูแล้วก็ปวดหัว ไม่ฟังก็ไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้เอาไปปลุกระดมได้ทั้งสิ้น เขาไปปลุกระดมข้างล่าง ผมอ่านข่าวทุกวัน ใครพูดอะไรผมมีหมด วันนี้หนักใจมีหลายคนมาบอกว่า อยากเอาคนนั้น คนนี้ออก ถามว่าแล้วจะเอาใครทำ มีไหม เสนอตัวมาที่จะเป็นรัฐมนตรี มาแล้วถูกตรวจสอบต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ห้ามประกอบธุรกิจ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ฉะนั้นต้องเสียสละ มาวันนี้ให้ย้ายรัฐมนตรีทุกวัน ปัญหามันเยอะ ไม่ได้อยู่ที่รัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นก็ปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีทั้งหมด เปลี่ยนนายกฯด้วย เพราะตนต้องรับผิดชอบ เพราะนั่งทำงานด้วยกันทั้งหมด ไม่ใช่ผมทำคนเดียว ให้กำลังใจกันบ้าง หลงหูหลงตาบ้าง ไม่ใช่รัฐมนตรีโลกลืม เพราะคุณไม่ฟัง ฟังแต่ผมคนเดียว แล้วคุณก็บ่นผมทุกวัน ถามรัฐมนตรีทำไมไม่พูด เขาบอกพูดทุกวัน แต่ไม่มีใครฟัง สื่อเป็นอย่างนี้ ไปโทษเขาไม่ได้ ท่านต้องพูดแบบผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอทุกคนในห้องประชุมปรบมือให้กับแม่น้ำ 5 สายและสปช เพื่อเป็นพลังในการทำงาน และยังได้ยังกล่าวตำหนิสภาฯที่ไม่ให้ร้านค้าในสโมสรรัฐสภาขายของในวันนี้ว่า “ทำไมไม่ให้เขาขายของ เขามาร้องเรียนผมอยู่ ดังนั้น อย่าไปคิดค่าเช่าและจ่ายชดเชยให้แม่ค้าด้วย” ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลในเวลา 13.00 น.