“เอสซีจี”ลดเป้ายอดขายเหตุความต้องการใช้ลดฝนมาเร็ว-ทุ่ม1.8แสนล.ลุยปิโตรคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม

https://www.matichon.co.th/news/

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า คาดว่ายอดขายของบริษัทปี 2560 น่าจะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5-10% โดยคาดว่าน่าจะทำได้ประมาณ 3-5% จากปี 2559 ที่มียอดขายรวม 4.23 แสนล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการภาครัฐ ขณะที่โครงการภาคเอกชนยังไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเติบโตได้แค่ไหน อีกทั้งปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปกติทำให้กระทบการก่อสร้าง

“คาดว่าภาพรวมตลาดซีเมนต์ทั้งปีนี้น่าจะติดลบเล็กน้อย ตลาดซบเซากว่าที่คิดไว้ โดยครึ่งปีแรกตลาดในประเทศติดลบ 7% ประกอบกับภาพรวมตลาดซีเมนต์หลายประเทศในอาเซียนไม่เติบโตอย่างที่คิดไว้ มีคู่แข่งใหม่ๆเข้ามา ราคาก็ลดลง รวมถึงปัจจัยราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวขณะนี้ ซึ่งลดลงจากต้นปีกระทบกับธุรกิจปิโตรเคมี แม้กำลังการผลิตจะเท่าเดิม แต่ราคาลดลง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ทรงตัวจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบไม่เปลี่ยนแปลง คาดเทียบผลประกอบการครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลังจะทำให้เท่ากันยาก”นายรุ่งโรจน์กล่าว

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า การลงทุนต่อจากนี้จะขยายธุรกิจในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้อนุมัติลงทุนในโครงการปิโตรเคมีครบวงจร(ปิโตรคอมเพล็กซ์)แห่งแรกในเวียดนาม มูลค่าลงทุน 1.88 แสนล้านบาท ภายใต้การดูแลของบริษัทลอง เซิน ปิโตรเคมิคอล จำกัด ซึ่งเอสซีจีถือหุ้น 71% จะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีครึ่ง และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2565 เงินลงทุนนี้ที่จะได้มาจากการกู้ 60% นั้น จะได้มาจากแหล่งไหนนั้นกำลังพิจารณาอยู่คาดได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้ อาจจะกู้เงินสกุลต่างประเทศดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีระยะเวลาใช้คืนยาว ดังนั้นขณะนี้จึงให้ความสนใจอย่างมากในการลงทุนปิโตรคอมเพล็กซ์ เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่และใช้เวลาค่อนข้างนาน ส่วนการลงทุนอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน ขณะที่การขยายลงทุนโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ 2 ที่อินโดนีเซีย คาดจะได้ข้อสรุปภายใน 1 ปี และในปีนี้จะใช้งบลงทุนรวมด้านการพัฒนานวัตกรรม 5 พันล้านบาท

นายรุ่งโรจน์ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก งบการเงินรวมก่อนสอบทานไตรมาสที่ 2 ปีนี้ มีรายได้จากการขาย 108,825 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 13,252 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือตามราคาตลาดที่ลดลง ทำให้ขาดทุน 1.9 พันล้านบาท ประกอบกับสภาพตลาดชะลอตัว การแข่งขันธุรกิจซีเมนต์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างรุนแรงมากขึ้น ทำให้ครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขาย 225,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% มีกำไรสำหรับงวด 30,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% มาจากผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 1 ยังมีรายได้จากการส่งออกครึ่งปีแรก 60,689 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 2% จากการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดในจีนและเอเชียใต้ เมื่อแยกดูเฉพาะในอาเซียน ครึ่งปีแรกปีนี้มีรายได้จากการขาย 52,000 ล้านบาท คิดเป็น 24%ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 5% ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก แยกดูรายธุรกิจสำคัญ 3 กลุ่ม คือ เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 103,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 87,481 ล้านบาท ลดลง 2% และแพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 39,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%