http://www.matichon.co.th/news
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีการปรับภูมิทัศน์ หรือฮวงจุ้ยเพิ่มเติม โดยนำอ่างบัวสีขนาดใหญ่ จำนวน 10 อ่าง มาประดับตกแต่งบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกบัญชาการ ทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า และศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย เป็นที่แปลกตา การนำอ่างบัวสีมาประดับตบแต่งครั้งนี้ได้ดำเนินการในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นแนวความคิดของ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปรับภูมิทัศน์ใหม่บริเวณโดยรอบของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งประสานให้ทางสวนนงนุชเข้ามาดำเนินการเนื่องจากเป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์และได้รับรางวัลการตบแต่งสวนมาหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะแชมป์จัดสวนโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีการปรับภูมิทัศน์ที่บริเวณศาลพระภูมิเจ้าที่ทั้งการเปลี่ยนหญ้าและต้นไม้ และครั้งนี้ได้มอบหมายให้ทางสวนนงนุชมาปรับภูมิทัศน์อีกครั้งว่าควรมีอะไรเพิ่มเติม และได้แนะนำพร้อมนำอ่างบัวขนาดใหญ่พร้อมบัวสีต่างๆ ทั้งสีม่วง น้ำเงิน ชมพู และขาวมาประดับตกแต่ง ทั้งบริเวณศาลพระภูมิ ทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า และสนามหญ้าหน้าตึกบัญชาการ โดยเป็นการเน้นในจุดที่นายกรัฐมนตรีใช้เส้นทาง เพื่อให้นายกรัฐมนตรีดูว่าเหมาะสมแค่ไหนอย่างไร รวมทั้งจะรับฟังจากเสียงส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งหากเหมาะสมก็จะดำเนินการบริเวณอื่นๆ ในทำเนียบรัฐบาลต่อไป
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การนำอ่างบัวและบัวสีต่างๆมาประดับตกแต่งบริเวณทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้นอกจากเพื่อความสวยงามแล้วก็ยังเป็นการเสริมสิริมงคล เสริมดวงชะตาให้กับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งการวางอ่างบัวทางทิศตะวันออกนั้นก็เพื่อเสริมยศตำแหน่ง สำหรับดอกบัว เป็นดอกไม้ที่คนไทยเราคุ้นเคยใช้ในการบูชาพระ ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่ใช้ในพิธีมงคล บัวที่เรานิยมปลูกไว้ภายในบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล คนโบราณจึงมีความเชื่อว่าครอบครัวใดที่ปลูกบัวเอาไว้ประจำบ้าน ก็จะช่วยให้คนครอบครัวนั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด และเบิกบานแจ่มใสเช่นเดียวกับดอกบัว และยังเชื่ออีกว่าสายใยของบัวที่ยืดยาวนั้น คือสายสัมพันธ์ของครอบครัว จะทำให้ทุกคนมีความห่วงใยรักใคร่ และผูกพันต่อกันอย่างแนบแน่น ครอบครัวนั้นก็จะมีแต่ความสุข เพราะความรักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวทุกคน อีกทั้งดอกบัวแสดงให้เห็นถึงปรัชญาการดำเนินชีวิต แม้จะเกิดในโคลนตม แต่เมื่อโผล่พ้นน้ำขึ้นมารับแสงสว่างแล้ว กลีบดอกกลับสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดแปดเปื้อน เสมือนคนที่เกิดมาแล้ว หากเข้าถึงหลักธรรมก็สามารถเป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสและความทุกข์ทั้งปวงได้
ดอกบัวในตำราพิชัยสงคราม การออกศึกสงคราม แม่ทัพผู้บัญชาการรบ จะพิจารณาเลือกการจัดทัพตามลักษณะพยุหะ (กระบวนทัพ) ที่มีอยู่ในตำราพิชัยสงครามให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ไม่ว่าจะเป็นขณะยกทัพ หรือการตั้งค่าย เพื่อความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ทุกขณะ ซึ่งการจัดทัพรูปทรงดอกบัวที่ชื่อว่า “ปทุมพยุหะ” มีอยู่ในตำราด้วย กล่าวคือ เป็นการจัดผังเป็นรูปดอกบัวตูม กำหนดการวางทัพโดยมีกองร้อยอยู่ส่วนยอดลดหลั่นลงมาเป็นพลทวน กองม้า กองช้าง กองเขน กองไล่ ส่วนทัพใหญ่และทัพรองตั้งมั่นอยู่ตรงส่วนฐาน การจัดทัพแบบปทุมพยุหะเหมาะกับภูมิประเทศที่เป็นที่ราบกลางทุ่งใช้ได้ทั้งการตั้งค่ายและยาตราทัพ
ในดินแดนของอียิปต์โบราณนั้น ดอกบัวเป็นตัวแทนของสามความหมาย คือ การเกิดใหม่ ความตาย และการผนึกรวมกันของอียิปต์เหนือและใต้ ในส่วนของการเกิดใหม่นั้น ชาวอียิปต์โบราณกล่าวว่า ลักษณะของดอกบัวที่บานในตอนเช้า และเริ่มหุบในตอนบ่าย ก่อนจะค่อยๆ มุดลงใต้ผิวน้ำไปทีละน้อย และจะกลับมาเบ่งบานอีกครั้งในเช้าวันถัดไป เปรียบเหมือนกับการเกิดใหม่ และเหมือนกับการที่ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต ลาลับฟ้าในตอนเย็นย่ำ และโผล่มาทอแสงใหม่ยามรุ่งอรุณนั่นเอง ส่วนความหมายของดอกบัวในศาสนาฮินดู คือดอกไม้ที่สื่อถึงความงาม ความงอกเงย จิตวิญญาณ และความเป็นนิรันดร์
สำหรับความหมายของดอกบัวสีน้ำเงิน แทนชัยชนะที่จิตและปัญญามีเหนือกิเลส ดอกบัวสีขาวสื่อถึงความบริสุทธิ์ จิตใจที่สงบ ผ่องแผ้วสดใส ดอกบัวสีม่วงสื่อถึงความลึกลับ ดอกบัวสีชมพูจัดเป็นบัวที่ประเสริฐสุด และนับเป็นดอกบัวซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
ดอกบัวสีแดงมีความหมายเกี่ยวเนื่องกับใจ สื่อความหมายถึงใจที่มีความรักและความเห็นใจต่อผู้อื่น