อส.พัทลุง จับกุมตำรวจชายแดนใต้ ข้อหาพกอาวุธสงคราม เจ้าตัวเผยจำเป็นต้องมีอาวุธป้องกันตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้านผู้บังคับบัญชาฉุนแทนลูกน้อง จวกตั้งด่านทำงานเอาหน้า ลั่นไม่ให้พกปืนจะให้ฝากปั๊มหรืออย่างไร คงเหลือแค่สองมือเปล่าไปจับโจร

         จากกรณีฝ่ายปกครองและอาสา จ.พัทลุง ตั้งด่านและเรียกตรวจค้นรถกระบะของ ส.ต.ต. รณชาติ ยงกิตติเกษม อายุ 28 ปี ชาว จ.ตรัง ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนจะจับกุมพร้อมของกลาง ปืนเอ็ม 16 และปืนสั้น 9 มม. โดยแจ้งข้อหาขัดคำสั่ง คสช. รวมทั้งครอบครองปืนและพกพา แม้ว่า ส.ต.ต. จะให้ข้อมูลว่าเป็นปืนราชการต้องพกติดตัวไว้ และกำลังขับรถกลับไปทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น จนกลายเป็นประเด็นข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยคนส่วนใหญ่เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับกุม ในฐานะที่เป็นตำรวจในพื้นที่อันตราย ที่จำเป็นต้องพกพาอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว

         ความคืบหน้า ล่าสุด (22 กรกฎาคม 2560) มีตำรวจระดับสูงที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ส.ต.ต. รณชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Suriya Pankerd ระบุข้อความเชิงกล่าวหาการทำงานของฝ่ายปกครองและอาสา จ.พัทลุง ที่ไม่เห็นอกเห็นใจตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะต้องระมัดระวังตัว มีปืนของทางราชการไว้ในรถเพื่อป้องกันตัว เนื่องจากการเดินทางล้วนเป็นเส้นทางเสี่ยงอันตราย และยังเคยถูกโจมตีมาแล้ว อีกทั้งได้มีการบอกว่าอาวุธปืนทางราชการให้พกในสามจังหวัดได้เท่านั้น จะให้พวกตนฝากปืนไว้ที่ปั๊มน้ำมันหรืออย่างไร ซึ่งลูกน้องของตนก็ได้อธิบายให้ฟังแล้วว่า กำลังออกไปสืบสวนหาข่าวพวกก่อการร้าย ก็ไม่ยอมฟัง ต่อไปนี้ลูกน้องของตนก็เหลือเพียงแค่สองมือเปล่าที่จะไปจับโจร

         ทั้งนี้ ลูกน้องของตนเป็นตำรวจมา 2 ปี ประวัติไม่เคยด่างพร้อย และร่วมกันเสี่ยงตายจับโจรก่อการร้าย คดียาเสพติด จับคดีอาญาอื่น ๆ ไม่ต่ำกว่า 100 คน ตนรู้สึกเจ็บปวดที่บ้านเมืองมีคนระดับนักปกครองมีวิสัยทัศน์ได้แค่นี้ หวังแค่มีผลงานตั้งด่านแล้วจับได้ โดยไม่คิดถึงข้อกฎหมาย ผลกระทบ และขวัญกำลังใจของคนทำงานในพื้นที่เสี่ยงเลย

ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Suriya Pankerd