วัฒนา มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ ยันไม่คิดทำร้ายใคร ชี้ต้องเรียกประทัดยักษ์

https://hilight.kapook.com/

ลุงวัฒนา มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ

   สตช. แถลงรับตัว วัฒนา มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ จากทหาร เจ้าตัวรับก่อเหตุคนเดียวเหตุไม่ชอบรัฐบาลทหาร ยันไม่คิดทำร้ายใคร ขออย่าเรียกระเบิดให้เรียกประทัดยักษ์ ยันนาฬิการูปอดีตนายกเป็นของตนแต่ไม่เกี่ยวเหตุระเบิด 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พลตรี วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำตัว นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62  ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ต้องหาก่อเหตุวางระเบิด โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และอีกหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังนำตัวสอบปากคำจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ เขตดุสิต เป็นเวลา 6 วัน โดยพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีระเบิด พร้อมคณะชุดสืบสวนสอบสวนรอรับตัว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า วันนี้เป็นคำตอบชี้ชัดแล้วว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น รัฐบาลไม่ได้เป็นคนทำ ซึ่งทางตำรวจได้ประสบการณ์ในการทำคดีระเบิดมาจากเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ พร้อมยอมรับว่าการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดนั้น โอกาสที่จะจับได้มีเพียง 0 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และตั้งแต่ปี 2550 ก็ไม่ได้มีหลักฐานชี้ชัดยืนยันมากเท่านี้ โดยขณะนี้ทางตำรวจยังไม่ตัดพยาน หลักฐานต่าง ๆ และพยายามขยายผลว่ามีใครเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งขณะนี้นายวัฒนายอมรับว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น และหากตำรวจพบว่ามีใครเกี่ยวข้องทั้งแนวความคิด หรือส่งเสริม สนับสนุน จะดำเนินการทันที ส่วนเพื่อนสาวคนสนิท หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยง ก็จะออกหมายจับทันที

ลุงวัฒนา มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ

ด้านพลตำรวจตรี ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 ระบุว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เก็บพยานหลักฐานจากในที่เกิดเหตุ และรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด ไล่ลำดับเหตุการณ์ ทำให้สามารถควบคุมตัวนายวัฒนาได้ แต่จากการสอบถามครั้งแรก นายวัฒนา ไม่ยอมรับ ทางทหารจึงเข้าไปตรวจค้นบ้านพัก พบอุปกรณ์การประกอบระเบิด และหลักฐานที่แสดงถึงสัญลักษณ์แนวคิดทางการเมือง จึงซักถามครั้งที่สอง นายวัฒนาจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุทั้งในปี 2550 และปี 2560 ทั้งหมด 6 จุด

ทั้งนี้ ศาลออกหมายจับนายวัฒนา 5 คดี คือ คดีระเบิดหน้ากองสลาก, ระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ, ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, หน้าห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน ซึ่งทั้ง 4 หมายจับนี้ ถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้เกิดการระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เสียทรัพย์

ลุงวัฒนา มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ

ส่วนคดีที่บ้านพักย่านบางเขน ถูกดำเนินคดีในข้อหา มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่คดีที่หน้าปากซอยราชวิถี และกองบัญชาการกองทัพบก วันนี้พนักงานสอบสวนนำสำนวนคดี พยานหลักฐาน ไปขอศาลออกหมายจับ

โดยนายวัฒนา ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีไฟฟ้า จบวิศวะไฟฟ้ามา ถนัดเรื่องการประกอบไฟฟ้า จึงเก็บสะสมอุปกรณ์ต่าง ๆ เอาไว้เพื่อประกอบระเบิด ซึ่งประเด็นดินดำที่มีอยู่น้อยในระเบิด ไม่ได้มีส่วนสำคัญในการบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น แจกัน และตะปู ถือเป็นส่วนที่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด

นายวัฒนา ยอมรับว่า เหตุระเบิดในปี 2550 และปี 2560 มีแรงบันดาลใจเหมือนกันคือ การเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ เพราะทำให้ประเทศหายนะ ตลอดจนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนก็ถูกลิดรอน ทุกครั้งที่ก่อเหตุพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับประชาชนธรรมดา และไม่อยากให้ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลปฏิวัติ เพื่อส่งเสียงไปยังรัฐบาลว่าคนรากหญ้ามิได้ชื่นชมการกระทำของรัฐบาลทหาร และคิดว่าหลังจากนี้ตนจะไม่ได้ก่อเหตุอีกแล้ว เพราะไม่มีอุปกรณ์ในการใช้ประกอบระเบิด เนื่องจากต้องใช้แผงวงจรที่มีความแอดวานซ์ในทางเทคนิค

ลุงวัฒนา มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ

“ยืนยันว่าผมเป็นผู้ทำทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวไม่มีใครว่าจ้างหรือสนับสนุน เพราะต้นทุนที่ใช้ตกอยู่ที่ครั้งละ 50 บาท และขออย่าเรียกว่าเป็นระเบิด ให้เรียกว่าประทัดยักษ์ ส่วนสาเหตุที่ระเบิดครั้งล่าสุดที่ รพ.พระมงกุฎฯ มีการใส่สะเก็ดระเบิดในการประกอบด้วยนั้น ขอไม่ตอบ”

นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ส่วนตัวตนไม่เกลียดทหาร ไม่ชอบเฉพาะบางท่านที่ใช้ประชาชนเป็นฐานเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจในการเป็นรัฐบาล พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาตนเองก็เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองหลายครั้งทั้ง นปช. และ กปปส. และอยากให้ประชาชนทุกคนดูเรื่องราวของตนไว้เป็นกรณีศึกษาและเป็นเหตุการณ์สุดท้าย โดยตนเองเชื่อว่าหลังจากที่ลงมือระเบิดในครั้งนี้ จะเป็นจุดที่ทำให้รัฐบาลและประชาชนหันหน้าเข้าหากันเพื่อแสวงหาความสงบสุขของบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พบนาฬิการูปอดีตนายกทักษิน และสัญลักษณ์ทางการเมืองจำนวนมากในบ้านของนายวัฒนานั้นเป็นของจริงหรือไม่ นายวัฒนา ระบุว่า นาฬิการูปอดีตนายกฯ ที่พบในบ้านเป็นของตนเองจริง ๆ โดยเพื่อนเป็นผู้มอบให้เพื่อเป็นของขวัญตอนเกษียณ เป็นความชอบทางการเมืองส่วนตัวที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในเรื่องนี้ ไม่ได้มีนัยทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น

มือระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ

ทั้งนี้ หลังจากแถลงข่าวตำรวจได้นำตัวนายวัฒนา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดเกิดเหตุต่าง ๆ เบื้องต้น 5 จุด ดังนี้

จุดที่ 1 สถานที่ประกอบระเบิดเป็นที่พักบ้านย่านรามอินทรา เขตบางเขน

จุดที่ 2 บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน ที่ก่อเหตุวางระเบิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550

จุดที่ 3 ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ก่อเหตุระเบิด เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2560

จุดที่ 4 บริเวณ กฟผ. ที่เอาระเบิดที่ประกอบเสร็จขึ้นรถยนต์ไปจอด ทิ้งไว้ที่ กฟผ.บางกรวย

จุดที่ 5 ร้านที่ซื้ออุปกรณ์ ย่านบางกรวย แต่เนื่องจากวันนี้เวลาอาจไม่พอ จึงไปทำแผนเพียง 3 จุดเท่านั้น

จากนั้นจะคุมตัวไว้ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) 1 คืน เพื่อนำตัวไปทำแผนต่อในวันรุ่งขึ้น และจะนำตัวนายวัฒนา ไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ต่อไป