https://hilight.kapook.com/
เปิดไทม์ไลน์ เหตุไฟไหม้ตึกกลางลอนดอน ประเทศอังกฤษ ย่างสดหลายชีวิต พบผู้บาดเจ็บเพิ่มเป็น 50 ราย
กลายเป็นข่าวดังที่ทั่วโลกให้ความสนใจในขณะนี้ สำหรับกรณีไฟไหม้อาคารสูง 27 ชั้น ใกล้ศูนย์การค้าไวท์ซิตี้ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ในช่วงเช้าวันนี้ (14 มิถุนายน 2560) ที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดัมกำลังกว่า 200 นายเข้าระงับเหตุ ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์เดอะเทเลกราฟ เปิดเผยข้อมูลยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ขณะที่หลายคนยังสูญหายและติดอยู่ภายในอาคาร
สำหรับไทม์ไลน์ของเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ มีดังนี้
– 01.16 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ ก่อนส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและรถพยาบาลเข้าถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที
– 01.30 น. เจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำสกัดไฟ พร้อมอพยพผู้คนออกจากอพาร์ตเมนต์ที่มีผู้พักอาศัยร่วม 600 คน
– สั่งปิดถนนบริเวณดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลเร่งให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ที่สำลักควันไฟ
– ดับเพลิงเผยว่าไฟไหม้ลุกลามตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 27 ยังไม่สามารถทำให้เพลิงสงบได้ และยังไม่ทราบสาเหตุ
The #fire is now spread to the other side. Ash falling in front of my window down.#GrenfellTower #Kensington #london #PrayersForGrenfellpic.twitter.com/Zbg5eTJttf
✯ Natalie ✯ (@Natalie_Oxford) June 14, 2017
– ยังมีผู้ติดอยู่ในอาคารและผู้สูญหายอีกบางส่วน ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เผยว่ามีบางคนตัดสินใจกระโดดออกจากอาคาร เพื่อเอาชีวิตรอด
– ผ่านไป 4 ชม. ยังไม่มีทีท่าว่าไฟจะดับลง ดับเพลิงกว่า 200 คน ยังมุ่งมั่นระงับเหตุ
– 06.15 น. หน่วยบริการรถพยาบาล ยืนยันนำผู้บาดเจ็บ 30 ราย ส่งรักษายังโรงพยาบาล 5 แห่ง
– 06.40 น. ตั้งศูนย์พักพิงฉุกเฉินเพื่อผู้ที่อพยพออกมาจากอาคาร ขณะที่มีประกาศเตือนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในแฟลต 30 แห่ง รอบบริเวณดังกล่าว ออกจากที่พักอาศัย
This is painful to watch!#GrenfellTower
pic.twitter.com/sroKTnKBZg Ali (@PopcornHub) June 14, 2017
– 07.22 น. ยังมีกลุ่มควันหนาลอยมาจากอาคาร แม้จะสกัดเพลิงไว้ได้แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงฉีดน้ำเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่อ
– 08.15 น. อัปเดตตัวเลขผู้บาดเจ็บที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพิ่มเป็น 50 ราย
– 08.29 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจออกแถลงการณ์ พบผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากเหตุไฟไหม้ครั้งนี้
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @LondonFire, @Ldn_Ambulance
ข้อมูลจาก telegraph.co.uk, theguardian.com, bbc.com, ทวิตเตอร์ @metpoliceuk