หลังการระบาดขอไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ในอู่ฮั่น ประเทศจีน ทำให้เกิดกระแสข่าวกดดันรัฐบาลให้ไปรับคนไทยออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัย ภายหลังการประกาศปิดเมือง ซึ่งเบื้องหน้าของการรับคนไทยกลับบ้านนั้น ต้องแลกมากับความเหนื่อย ความเสียสละ และการทำงานหนักของทุกคนในไฟลต์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ล่าสุด 5 กุมภาพันธ์ 2563 กัปตันมนูญ กัปตันของสายการบินแอร์เอเชีย ไฟลต์ไปรับคนไทยออกมาจากอู่ฮั่น ได้เผยเรื่องราวอันน่าประทับใจ ของทีมงานทุกคนที่ได้สละเวลา และยอมเสี่ยงภัย เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย โดยที่เรื่องเล่า มีดังนี้

ก่อนไปรับคนไทยในอู่ฮั่น

– ทั้งนี้ กัปตันมนูญ กล่าวว่า อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทางสายการบินแอร์เอเชีย ได้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยออกมาจากอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งในตอนแรกได้มีการตกลงกับคณะทำงานว่า ต้องการให้เรื่องนี้ สั้น เงียบ ใช้คนน้อยที่สุด

– เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปก่อนที่จะมีข่าวดัง เรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา ว่าทางด่วนควบคุมโรค และสายการบิน ได้มีการตรวจหาคนติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จากปกติที่จะมีตารางการทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ก็ทำถี่ขึ้น จนกลายเป็นทำทุกครั้งที่มีเที่ยวบินกลับมาจากอู่ฮั่น จากนั้น จึงเกิดทีมงาน Exit Screen ให้หัวหน้าลูกเรือ และลูกเรือที่มีความรู้ในเรื่องแพทย์ เข้ามาสกรีนด้วย ซึ่งก็ไม่พอ จนกัปตันมนูญ ต้องส่งเรื่องไปหา CEO ว่า ควรมีการจ้างพยาบาลมาช่วย

– ระหว่างที่ส่งเรื่องไปนั้น คุณม้ง HFO ก็ได้บอกกัปตันมนูญ ว่าทางแอร์เอเชีย อาจจะส่งเครื่องไปรับคนไทยกลับมาจากอู่ฮั่น และกลายเป็นว่า กัปตันมนูญและคุณม้ง จะเป็นกัปตันที่จะไปรับคนมาจากอู่ฮั่นเอง เพื่อไม่ให้ลูกเรือคนอื่นเสี่ยง

– จากนั้น จึงมีการประชุมกันกับคณะทำงาน ทีมแพทย์ การท่าฯ ตม.ทหาร ที่กรมกงศุล ซึ่งตอนแรกอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับ แต่สุดท้ายก็มีข่าวออกไป เมื่อมีข่าวออกไป นักบินหลายคนก็เสนอตัวว่า จะขอไปรับคนไทยกลับจากอู๋ฮั่นเอง ประมาณ 20 คู่ โดยไม่ขอรับเงินค่าบินด้วยซ้ำ

– วันที่ 2 ที่ถูกเรียกประชุม เรื่องนัดหมายการโหลด การเดินทาง สถานที่รับตัว และอื่น ๆ ทุกอย่างถูกกำชับให้เป็นความลับ แต่มีคนบอกว่า ข่าวลงแล้วว่าจะเอาเครื่องไปลงอู่ตะเภา

– วันที่ 3 มีการนัดทีมงานไปใส่ชุดป้องกัน และลูกเรือต้องไปช่วยคัดกรองผู้โดยสารด้วย คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 4 ชม. ซึ่งการใส่ชุดนั้นไม่ยาก แต่ตอนถอดต่างหากที่อาจจะทำให้ติดเชื้อ

วันไปรับคนจากอู่ฮั่น

– วันที่ 4 วันออกเดินทาง คือ เวลา 07.10 น. ตนนัดลูกเรือ-ทีมแพทย์ 7 คน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ 2 คน บรีฟขั้นตอนสุดท้าย ว่าใครจะรับผิดชอบด้านไหน อะไรยังไง เมื่อประตูเปิดที่อู่ฮั่น ขอให้ทุกคนฟังคุณหมอที่มาจากศูนย์บำราศนราดูร แต่เมื่อประตูปิด หัวหน้าลูกเรือจะเป็นคนสั่งการ จนกว่าสัญญาณรัดเข็มขัดจะดับ จากนั้น คุณหมอจะกลับมาสั่งการอีกครั้ง หากมีคนป่วยฉุกเฉินบนเครื่อง คุณหมอจะสั่งการ แต่หากเป็นเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ ลูกเรือจะสั่งการ

– เมื่อเดินทางถึงอู่ฮั่น เราทุกคนก็รีบกินข้าว ทำธุระส่วนตัว ใข้เวลาคัดกรองกันกว่า 6 ชม. เพื่อให้มั่นใจว่า คนที่มีอาการ คนที่ติดเชื้อ จะถูกจับนั่งแยก มีห้องน้ำแยก ส่วนคนที่แข็งแรง แต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จะอยู่อีกโซน และกลุ่มเสี่ยงน้อย จะอยู่ด้านหน้า

– เมื่อคัดกรองเสร็จแล้ว ทุกคนก็ขึ้นเครื่องกลับไทย โดยตอนแรกจะไม่มีการให้บริการอาหารร้อน จะเสิรฟ์แค่แซนด์วิช น้ำ 2 ขวด เจลล้างมือเท่านั้น แต่เนื่องจากมีการคิดมาแล้วว่า ในสนามบินไม่น่าจะมีอะไรขาย อีกทั้งการคัดกรองก็ยาวนาน ทุกคนน่าจะหิว จึงต้องเสิร์ฟอาหารเต็มที่แบบฟูลเซอร์วิส โดยทีมหมอเองเป็นคนเสิร์ฟ และยังมีแพทย์จิตเวช คอยดูแลเอนเตอร์เทนไม่ให้ทุกคนเครียด

หลังจากรับคนจากอู่ฮั่น

– หลังจากนั้นเครื่องลงที่อู่ตะเภาแล้ว คุณหมอก็ต้องคอยเก็บขยะฆ่าเชื้อ พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อ ก่อนทีมฆ่าเชื้อแอร์เอเชียจะมาทำซ้ำอีกรอบ

“ผมไม่รู้ว่า เมื่อคืนนี้ ผู้โดยสารได้นอนเมื่อไร ทีมหมอและ กต. ได้กินข้าวไหม เพราะผมแอบนำทีมลูกเรือหลบมาก่อน

จบการทำงาน 18 ชั่วโมงอันยาวนานครับ”