วันที่ 2 มิถุนายน 2560 ทีมงานเพจ อีจัน ได้สัมภาษณ์ น.ส.ประภาศิริ สมศรี หรือเหมียว พี่สาวต่างบิดาของเปรี้ยว น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพน้องแอ๋ม โดย น.ส.ประภาศิริ เผยว่า วันที่เห็นข่าวฆ่าหั่นศพนั้น ตนก็ตกใจ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเป็นลูกหลานเรา ไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวเราจะเป็นคนลงมือ ส่วนตัวตนไม่รู้จักกับน้องแอ๋ม ส่วนตัวตนรักเปรี้ยวมาก รักเหมือนลูก อายุห่างกัน 12 ปี ไปไหนตนก็กระเตงน้องไปด้วย
น.ส.ประภาศิริ เล่าอีกว่า น้องเล่าให้ตนฟังว่า “หนูฆ่าเขา” ซึ่งตนไม่คิดว่าน้องสาวตนจะฆ่าคนได้ แม้กระทั่งหมา น้องสาวตนก็ยังพาไปรักษา เชือดหมูในงานแต่งงานน้องก็บอกให้ไปเชือดไกล ๆ บ้าน ก็ยังอ่อนโยนอยู่บ้าง การที่จะฆ่าคนคนหนึ่งได้เลือดเย็นอย่างนั้นมันเพราะอะไร น้องสาวก็บอกว่าไม่อยากยุ่งกับน้องแอ๋ม เพราะน้องแอ๋มก็ไม่ธรรมดา จึงไม่อยากอยู่ประเทศไทย
กระทั่ง น.ส.ประภาศิริ ได้ถาม น.ส.เปรี้ยว ถึงเหตุการณ์ฆ่าหั่นศพ จึงได้ใจความว่า พรรคพวกในแก๊ง ช่วยกันจับช่วยกันหั่นศพน้องแอ๋ม แต่เรื่องแผนทั้งหมดนั้นความคิดเปรี้ยวเอง ตนจึงถามน้องว่าอยู่ไหน น้องสาวจึงบอกว่าอยู่ท่าขี้เหล็ก อยู่ครบทุกคนในทีม มี น.ส.เอิร์น และหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ถูกออกหมายจับที่ไม่ใช่ น.ส.เบนซ์ โดย น.ส.เปรี้ยวได้บอกกับเพื่อนว่า “มึงฟังพี่กู พี่กูจะพาไปมอบตัว พี่กูจะเอาทีมมารับ”
น.ส.ประภาศิริ ได้ถามน้องสาวว่า กลัวอะไร น.ส.เปรี้ยว จึงกล่าวว่า กลัวโดนจับตาย จึงโทร. หาพี่สาวเพราะอยากมอบตัว อยากให้พี่สาวไปบอกตำรวจถึงคำสารภาพทั้งหมด และบอกว่าตนและเพื่อนยอมแล้ว ขอให้พาไปส่งที่ สภ.เขาสวนกวาง เพราะ น.ส.เปรี้ยวไว้ใจตำรวจเขาสวนกวาง และกลัวถูกวิสามัญเหมือนในหนัง น้องยังเด็ก อีกทั้งยังกลัวข่าวจากโทรทัศน์ที่มีกระแสว่า โทษประหารรออยู่ จึงเกิดความกลัว
น.ส.ประภาศิริ ระบุว่า ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และระบุว่าฆาตกรฆ่าหั่นศพคือน้องสาวของตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางมาหา แต่ไม่กล้าเข้าบ้าน ตนจึงเชิญตำรวจเข้าบ้าน และโทร. หาน้องสาวให้ตำรวจคุย น้องสาวตนก็สารภาพว่า เป็นคนทำและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับที่ประเทศเมียนมา และจะบอกพิกัดอีกที ตำรวจก็แจ้งว่า ไม่ต้องกลัว และมีอะไรมาคุยกัน ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ส่วน น.ส.เปรี้ยว ก็ได้ขอคุยกับตนว่าจะมอบตัวเอง และขอเวลาหน่อย ตนจึงบอกไปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นขายของ เขารับรู้แล้วนะว่าเรามอบตัว เรามอบตัวแล้วโทษไม่หนักเท่าไรแล้วนะ บอกมาว่าจะให้รับตอนไหน ซึ่งตนกลัวความคิดน้องสาวจะเปลี่ยน น้องสาวจึงบอกว่า ก็บอกแล้วไงว่ามอบตัว แต่ขออยู่กับเพื่อนก่อนได้มั้ย ขอดื่มกับเพื่อนก่อน ไม่มีใครหนีหรอก ตอนนี้ทุกคนมันแย่หมดแล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มอบเบอร์โทรศัพท์ให้กับ น.ส.เปรี้ยว และบอกว่าพร้อมเมื่อไรก็ค่อยว่ากัน ทุกอย่างก็จบวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาประมาณ 22.00-00.00 น. กระทั่งติดต่อน้องไม่ได้ ตนจึงส่งได้แค่ข้อความ และน้องสาวไม่เคยใช้เบอร์ของตัวเองโทร. มาเลย ส่วนใหญ่จะคุยทางแชท ไลน์ บีทอล์ค มากกว่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องลึกลับซับซ้อนอะไรขนาดนั้น
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนคิดอย่างเดียวว่าจะต้องเล่าความจริง พื้นฐานที่ตนเคยเลี้ยงน้องมา น้องไม่เคยใจร้ายเลย ออกจะอ่อนโยนด้วยซ้ำ เวลาทำงานหากได้เงินมากกว่าเพื่อนฝูง น้องสาวก็มักจะช่วยเพื่อนออกค่าใช้จ่ายหากเพื่อนอยากได้อะไร หลังจากที่คุยกับน้องนั้น ตนก็จุดธูปขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนาขอให้เขากลับมา ไม่มีใครรู้ดีเท่าน้อง เพราะน้องคือกุญแจสำคัญ ต่อให้นักข่าวมาถามตน ก็เท่านั้น หรือถามใคร ๆ ไปก็เท่านั้น เพราะประเด็นหลักอยู่ที่น้อง ถ้าน้องไม่กลับมาก็ไม่เคลียร์
ตนไม่อยากให้น้องซีเรียส เพราะแม่อยู่ได้ พี่ก็อยู่ได้ อยากให้น้องกลับมาเคลียร์ให้จบ กลับมาบอกสังคมว่ามันเกิดอะไร คนเรามันก้าวพลาดไปแล้ว เปรี้ยวเป็นคนเก่ง พี่เชื่อว่าเปรี้ยวต้องกล้ามายอมรับว่าเกิดอะไร
น.ส.ประภาศิริ กล่าวว่า ตนอยากบอกไปยังครอบครัวของน้องแอ๋มว่า เราทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกราบขออภัยในสิ่งที่น้องสาวตนทำ “แต่อะไรทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องรอให้น้องสาวตนออกมาพูดความจริง เพราะว่าเขาก็เดินทางผิดกันทั้งคู่แล้ว คนเราถ้าเดินทางถูกต้องก็คงไม่จบชีวิตแบบนั้น ทางน้องสาวตนก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ จึงอยากบอกสังคมว่ายาเสพติดไม่ได้ให้คุณค่าอะไรกับพวกคุณเลย มีแต่ทำให้เป็นแบบนี้ ตนบอกกับน้องว่าถ้าเป็นไปได้ เสพมันไม่หนัก แต่อย่าขาย ถ้ามันทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ จะสังสรรค์ จะปาร์ตี้กัน ขออย่างเดียว อย่าทำร้ายแม่ จะเสพจะอะไรกันก็ดูแลตัวเอง นี่คือความจริง ไม่มีใครบอกหรอกว่าอย่าทำอย่างนู้นอย่างนี้ เสพอะ เสพได้ แต่อย่าขายเลย ไม่เคยเห็นมีใครขายแล้วไม่โดนจับ ไม่โดนวันนี้วันหนึ่งก็ต้องโดน เคยเป็นไหมที่รวยเป็นร้อนล้านพันล้าน เวลาโดนจับก็จบเกม เขายึดแม้กระทั่งขี้ดินไม่เหลืออะไร”
และขอฝากถึง น.ส.เปรี้ยวว่า มามอบตัวซะ อะไรมันก็จะได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องห่วงแม่หรอก ส่วนน้องอาร์ตี้ ลูกชายวัย 8 ขวบ ก็ไม่ต้องห่วงหรอก ทางย่าเขาก็ให้ความรักดี เรื่องลูกตัดออกไปเลย ไม่ต้องห่วง เพราะยังไงก็หลานพี่ ตอนนี้พ่อของเปรี้ยว เหมือนแกจะไม่สนใจอะไร แต่ทุกครั้งที่พี่เห็นหน้าแก ก็เหมือนแกจะร้องไห้ตลอดนะเปรี้ยว พ่อไม่อยากใหเปรี้ยวอยู่ข้างนอก แม่ก็ไม่คุยกับใครแล้ว แม่รอให้เปรี้ยวกลับมา การที่จะไม่ทำให้ตัวเองตกนรกมากไปกว่านี้คืออย่าทำให้พ่อแม่มีน้ำตามากไปกว่านี้ กลับมากราบเท้าท่าน และรับกรรมในสิ่งที่เปรี้ยวก่อ อยากให้เปรี้ยวกลับมาสะสาง พี่รักน้องเสมอไม่ว่ากันหรอก อะไรที่ผ่านมา พี่ไม่โทษเปรี้ยว เพราะเปรี้ยวเป็นน้องที่พี่รัก ถ้ายังรักครอบครัวก็อย่าทำให้อะไรมันแย่ไปกว่านี้ ทุกคนพร้อมกอดเปรี้ยว อะไรพลาดไปแล้วก็ช่างมัน พี่เสียใจที่พี่ไม่เคยให้คำปรึกษาน้อง ถ้าพี่เปิดใจคุยกับน้อง น้องอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว พี่ขอโทษกลับมาเถอะ
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก อีจัน