https://www.matichon.co.th/news
เผยแพร่ |
---|
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า มีข่าวถูกส่งในโลกออนไลน์ และในไลน์ ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียกเก็บภาษีจากนาฬิกาที่ผู้โดยสารขาเข้าใส่ไว้ข้อมือ เกิดคำถามว่าการซื้อมาใช้เองต้องเสียภาษีหรือไม่ รวมถึงขนาดที่กรมศุลกากรต้องเก็บภาษีจากของใช้ที่ใช้ติดตัว ขอชี้แจงว่า ในการตรวจผู้โดยสารขาเข้า ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลกขององค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization : WCO) คือ1. ใช้หลักเกณฑ์การบริหารความเสี่ยง โดยการตรวจสอบข้อมูลผู้โดยสาร ก่อนเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทย 2. การสังเกตพฤติกรรมของผู้โดยสาร และลักษณะกระเป๋าสัมภาระเดินทาง 3.งานสืบสวนและงานการข่าว
นายชัยยุทธ กล่าวว่า ในการเก็บภาษีนั้น เน้นในกลุ่มที่นำมาค้าขาย และในกลุ่มสินค้าราคาแพง ที่นำเข้ามา โดยจะไม่เข้มงวดกับกลุ่มที่ซื้อมาใช้เอง หรือของฝากญาติ โดยยืนยันว่าในการนำเข้าสินค้าของใช้ส่วนตัว เช่น กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา มีราคาสูงกว่า 2 หมื่นบาท ต้องเสียภาษีทุกรายการ แต่ในการตรวจสอบใช้วิธีการสุ่มตรวจเนื่องจากปริมาณผู้โดยสารมาถึงวันละ 1 แสนราย คนไปตรวจสอบทุกรายไม่ได้
ด้านนายบุญเทียม โชควิวัฒน ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่รายงานเก็บภาษีจากนาฬิกา 2 เรือน โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา นั้นพบว่า ผู้โดยสารหญิง สัญชาติไทย จำนวน 2 รายดังกล่าว มีการนำเข้าสินค้าราคาแพงมาแล้วหลายรอบ วิธีการหลบเลี่ยงภาษีชัดเจน คือส่งกล่องสินค้ามาทางไปรษณีย์ ส่วนสินค้านำติดข้อมือมา ซึ่งเดินทางมาจากฮ่องกง โดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ HX769 มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 02.35 น. และในการสบสวนรับสารภาพว่าขาย จึงเรียกเก็บภาษีกว่า 1.5 แสนบาท แบ่งเป็นภาษีนำเข้า 5% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากมูลค่าสินค้ากว่า 1.3 ล้านบาท
“สิ่งที่นำไปวิจารณ์ผ่านสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงจับกุมผู้โดยสารที่นำนาฬิกาติดตัวเข้ามาโดยใส่ไว้บนข้อมือของตนเอง เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากร โดยพฤติกรรมดังกล่าวมีสายข่าวรายงานมา และเจ้าหน้าที่ติดตามการเดินหน้าข้าวของของผู้โดยสารรายดังกล่าวมาแล้วหลายรอบ ล่าสุดเป็นการนำเข้านาฬิกายี่ห้อ Audemars Piguet และ Patek Philippe ซึ่งเป็นของใหม่และยังไม่ได้มีการใช้งานแต่อย่างใด”นายบุญเทียม กล่าวว่า
นายบุญเทียม กล่าวว่า นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร สั่งกำชับทุกหน่วยงานให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่นำเข้าสินค้ามาจำหน่ายโดยสุจริต พบสถิติการจับกุมลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทนาฬิกา กระเป๋า และรองเท้า ของสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 203 คดี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 136 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม2559-เมษายน2560) สามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 136 คดี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 97.2 ล้านบาท