http://www.matichon.co.th/news
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มกราคม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รองผบก.น.9 พ.ต.อ.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ ปานศรี ผกก.สน.หนองค้างพลู ได้นำตัวนายนิวัฒน์ หรือ “โจ๊ก” สวยทอง อายุ 32 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี และ นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ อายุ 24 ปี ชาว จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาคดีฆ่า น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อายุ 28 ปี สาวหล่อ นำชี้จุดที่เคอาร์ แมนชั่น ซอยเพชรเกษม 116 แยก 8 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. ซึ่งเป็นอาคารที่ผู้ตายพักอยู่กับ น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ อายุ 39 ปี ที่คบหากัน
จุดแรกคือจุดที่วนรถกระบะสีดำ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า ทะเบียน ฒษ 4515 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของนายนิวัฒน์ โดยขับมาดูลาดเลา 3 ครั้ง ครั้งแรกเวลา 19.51 น. ครั้งที่สองเวลา 22.13 น. ทั้งสองครั้งไม่พบน.ส.สุภัคสรณ์ กระทั่งครั้งที่สามเวลา 22.23 น. ของวันที่ 13 ธันวาคม พบน.ส.สุภัคสรณ์ ขับขี่จักรยานยนต์ฟีโน่สีชมพู ทะเบียน ฬปต174 กทม.
จุดที่สองคือบริเวณหน้าแมนชั่น น.ส.สุภัคสรณ์ได้ขึ้นห้องไปประมาณ 5 นาที ก่อนจะลงกลับมาด้านล่างอีกครั้ง โดยนายภูมิทัศน์ได้ลงจากรถกระบะคันดังกล่าวและเดินไล่จักรยานยนต์ของน.ส.สุภัคสรณ์
จุดที่สามนายนิวัฒน์ได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวมาปาดหน้าจักรยานยนต์ทำให้น.ส.สุภัสรณ์ เสียหลักล้มลง โดย ร.ท.ชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ อายุ 41 ปี ทหาร ชาว จ.กาญจนบุรี นายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา อายุ 34 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี ทหารหน่วยหนึ่ง ได้ลงจากรถและได้อุ้มน.ส.สุภัคสรณ์ขึ้นรถกระบะ และได้นำจักรยานยนต์มาจอดทิ้งไว้ข้างทางเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต โดยมีนายนิวัฒน์เป็นขับ ร.ท.ชัยยุทธ นั่งด้านหน้า นายภูมิทัศน์และนายภาณุเมศวร์นั่งประกบน.ส.สุภัครสรณ์และกดหัวลง ก่อนจะหลบหนีไปใช้ถนนหมายเลย 116 มุ่งหน้ากาญจนบุรี
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมกระบวนการในการอุ้มน.ส.สุภัครสรณ์จริง จึงได้นำมาทำแผนชี้จุดซึ่งตรงตามคลิปที่ปรากฏ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีการดูลาดเลามากกว่า 1 อาทิตย์ โดยครั้งที่สามารถอุ้มน.ส.สุภัครสรณ์ได้นั้นเชื่อว่าเพราะน.ส.กรรณิกาเป็นคนชี้แนะ เมื่ออุ้มน.ส.สุภัคสรณ์เสร็จแล้วได้นำน.ส.สุภัคสรณ์ไปไว้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา 1 ใน 7 คน ที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลา 2 วัน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าขณะนี้มีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 7 คน ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนพยานเพื่อหาหลักฐานในการออกหมายจับต่อไป