http://www.matichon.co.th/news
มาร์ค โรว์ลีย์ หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายและรักษาราชการรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน เผยความคืบหน้ากรณีเหตุก่อการร้ายใกล้กับรัฐสภาอังกฤษเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 40 คนว่า ตำรวจกำลังพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ว่าผู้ลงมือก่อเหตุได้รับแรงบันดาลใจจากการก่อการร้ายสากลหรือไม่
ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะ ขณะที่รูปแบบในการก่อเหตุมีความใกล้เคียงกับการก่อการร้ายในช่วงที่ผ่านมาคือเลือกใช้รถยนต์เป็นเครื่องมือในการทำร้ายผู้คน
เหตุที่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเนื่องจากผู้ก่อเหตุขับรถพุ่งชนกลุ่มคนจำนวนมากบนทางเดินใกล้กับสะพานเวสต์มินสเตอร์ และรถได้พุ่งชนบริเวณใกล้กับอาคารรัฐสภา จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ถือมีดลงมาก่อเหตุโจมตีต่อ และแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยบริเวณรัฐสภาซึ่งมิได้พกอาวุธเสียชีวิต ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งติดอาวุธยิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โรว์ลีย์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งถูกแทงเสียชีวิตคือ คีธ พัลเมอร์ อายุ 48 ปี ทั้งนี้ในบรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 40 รายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนายโดย 2 ในนั้นอาการสาหัส ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย อาทิ นักเรียนจากฝรั่งเศสซึ่งเดินทางมาทัศนศึกษา และนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้
นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน และให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกรังเกียจต่อการกระทำอันผิดศีลธรรมที่เกิดขึ้น และว่าความพยายามที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายคุณค่าที่สะท้อนผ่านรัฐสภาจะต้องล้มเหลว สถานที่เกิดเหตุโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่ผู้ก่อการร้ายเลือกที่จะโจมตีหัวใจของเมืองหลวงซึ่งผู้คนจากทุกเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองคุณค่าของอิสรภาพ ประชาธิปไตยและเสรีภาพในการแสดงความเห็น
ทั้งนี้นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนได้สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธทั่วพื้นที่หลังเกิดเหตุ ขณะที่ตำรวจได้ขอให้ผู้ที่มีภาพถ่ายหรือวิดีโอขณะคนร้ายก่อเหตุเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
เหตุโจมตีดังกล่าวยังถือว่ารุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในอังกฤษนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 52 ราย รวมถึงผู้ก่อเหตุโจมตีอีก 4 รายที่ได้วางระเบิดระบบขนส่งมวลชนในอังกฤษ