บิณฑ์ เผยสาเหตุ น้องอิน ไปอยุธยา เพราะไปหาแฟนทอม-มีขึ้นเสียงกัน

https://women.kapook.com/

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เผยสาเหตุ น้องอิน ขับรถไปอยุธยา เพราะอยากไปหาแฟนทอม แม้อีกฝ่ายพยายามห้าม รับ น้องอิน เป็นคนขับรถเร็ว เคยขึ้นด้วยขับ 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  

 

วันที่ 8 เมษายน 2561 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เผยถึงเรื่องราวก่อน น้องอิน ณัฐนิชา ขับรถเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตว่า ตนได้คุยกับ เบล อดีตแฟนน้องอินที่เป็นผู้ชาย และแฟนปัจจุบันคือ ไทม์ ซึ่งเป็นทอม และทราบว่าวันเกิดเหตุน้องอินโทร. หาไทม์ โดยบอกว่า ที่พัทยาเบื่อมากไปหาได้ไหม ซึ่งไทม์ก็บอกว่า ถ้าหลังเที่ยงคืนแล้วไม่ต้องมา เพราะว่ามันดึกเกินไปแล้ว น้องอินก็บอกว่าจากพัทยาไปถึงอยุธยา 200 กว่ากิโลเมตร ขับแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ซึ่งไทม์บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ตอนที่คุยกันก็ 3 ทุ่มแล้ว เขาก็ไม่ให้แม่ แต่ด้วยความที่น้องอินอยากจะเจอไทม์ ก็เลยออกไป ตอนที่ออกจากพัทยาคือ 5 ทุ่มกว่า แต่บอกไทม์ว่าออกมานานแล้ว

 

จนกระทั่งสักตี 1 กว่า น้องอินน่าจะถึงกรุงเทพฯ แล้ว ซึ่งคุณแม่โทร. หาพอดี น้องก็บอกแม่ว่าอยู่คอนโดแล้ว ซึ่งอยู่แถวบางนา แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้อยู่ น้องกำลังไปอยุธยา แต่ยังไม่ถึง ต่อมาประมาณสักตี 2 น้องอินบอกกับไทม์ว่าอีก 50 กิโลเมตร จะถึงอยุธยาแล้ว ณ ตอนนั้นไทม์อยู่อยุธยาแล้วบอกว่า อยุธยาฝนตกหนักมาก ถ้าถึงกรุงเทพฯ แล้วให้ตีรถกลับเลยไม่ต้องมา แต่น้องอินไม่ยอมเพราะคิดถึง มาแล้วก็ขอเจอ ตลอดทางก็มีการคุยกันมาตลอด แต่ยอมรับว่ามีปากเสียงกันด้วย น้องอินเลยบอกว่าเดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยคุย ก่อนจะวางสายไปตอนตี 02.30 น. พอไทม์โทร. หาอีกรอบในอีก 2 นาที น้องอินก็รับแล้วบอกว่า โอเคจะถึงแล้วกำลังรีบไป จากนั้นได้วางสาย พอตี 3 ไทม์โทร. หา 10-20 สาย ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

ที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยเบรคเลย คาดว่าขับรถมาด้วยความเร็ว ประกอบกับฝนตก ถนนลื่น กู้ภัยที่ไปเจอก็พบว่าร่างกายเริ่มแข็งแล้ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง แน่นอนว่าเสียชีวิตประมาณตี 3 กว่า ๆ ซึ่งไทม์โทร. หาถึงตี 4 แล้วน้องอินไม่รับ เลยคิดว่างอนกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว จึงเข้านอนและทราบข่าวอีกทีตอน 9 โมงว่าน้องอินเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้น 7 โมง กู้ภัยไม่รู้ว่าเป็นใครจึงลงประกาศตามหาญาติ ส่วนไทม์ยืนยันว่าน้องอินไม่ได้กินเหล้า ไม่มีอาการง่วงนอน เพราะคุยกันปกติมาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะรีบขับ แล้วฝนตกหนัก ขับชนกับขอบสะพาน เรื่องโทรศัพท์กู้ภัยแจ้งว่าไม่เจอ คาดว่าอาจจะกระเด็นไปอยู่ที่ไหนสักที่ ส่วนที่กู้ภัยอินบ็อกซ์ไปหาแบมบี้อันนี้ตนไม่รู้เรื่องจริง ๆ ก็ต้องหาต่อไป

 

อย่างไรก็ตามที่มีข่าวว่าฝ่ายไทม์เรียกให้ไปหาอันนี้ไม่จริง เพราะน้องอินจะไปเอง แล้วไทม์ก็พยายามห้ามแล้วว่าถ้าเที่ยงคืนไม่ได้ต้องมา ส่วนที่มีปากเสียงกันนั้น ไม่ได้ทะเลาะกันแต่มีขึ้นเสียงกันนิดหน่อย ไทม์เลยบอกว่าถ้าน้องอินจะขึ้นเสียงแบบนี้เดี๋ยวค่อยคุยดีกว่า หลังจากนั้นเลยวางสายกันไป ผมไปคุยกับไทม์ เขาเสียใจหนักมาก เขาก็ให้ดูว่ามีการคุยกันมาตลอด หลังตี 02.32 น. ที่วางสายกันไป ตอนที่ไทม์โทร. ไปหาก็ติดอยู่ตลอด แค่ไม่มีคนรับ

เรื่องรถบีเอ็มคันนี้ออกมาครั้งแรกประมาณ 2 อาทิตย์เขาก็เรียกผมไปนั่ง เราสนิทกันมาก ไม่ว่าผมไปไหนน้องอินก็จะไปกับผม เข้าวัดวิปัสสนา ไปเก็บศพไร้ญาติเขาก็ไปกับผม น้องเป็นคนดีมาก วันที่เขาเอารถมารับ ผมก็แปลกใจว่าน้องอินขับรถเป็นด้วยเหรอ ตอนนั้นก็ตกใจมากว่าน้องขับรถเร็วมาก ก็สอนเขาเรื่องการขับรถว่าขับแบบนี้ไม่ได้ เขาขับประมาณ 130-140 ล่าสุด 5 วันก่อนเสียชีวิตก็เพิ่งไปกินข้าวกันมา วันก่อนเขาเสียชีวิตเขาก็ไลน์มาว่าว่างเมื่อไรจะเอาสินค้ามาให้ดูจะฝากลงหน้าแฟนเพจ ตนก็บอกว่าพี่ยุ่งอยู่เดี๋ยวหลังสงกรานต์เจอกัน

 

ทั้งนี้บางเรื่องคุณแม่น้องอินก็ยังไม่ทราบทุกเรื่อง เพราะตอนนี้ยังอยู่ในความโศกเศร้า แต่คุณแม่รู้แค่ว่าตอนโทร. ไปบอกแม่ว่าอยู่คอนโดแล้ว ส่วนที่ตนออกมาพูดเพราะอยากเผยถึงที่มาที่ไป เนื่องจากมีคนเอาไปพูดว่าน้องขับรถไปกินเหล้าไป ตนอยากให้รู้ว่ามันไม่ใช่ มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ แต่ด้วยความไม่ชินพื้นที่ ฝนตกเลยเกิดอุบัติเหตุ ตอนที่ตนเตือนเรื่องขับรถเร็ว น้องก็บอกว่าไม่เป็นไร และตนก็เคยเห็นรูปน้องอินขับรถแข่งด้วย ยังเคยบอกแม่เขา ซึ่งแม่ก็พูดว่า เขาดูแลตัวเองได้ ส่วนพ่อก่อนเกิดเหตุโทร. บอกว่า น้องอินสงกรานต์อย่าไปเที่ยวไหน ขับรถให้ระวัง พ่อเตือนแค่อาทิตย์เดียวก็เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งน้องอินตอบกลับพ่อวันนั้นว่า ไม่เป็นไรหรอก พ่อไม่ต้องเป็นห่วง เพราะพ่อไม่ได้ดูแลหนู หนูดูแลตัวเองได้

 

ภาพและข้อมูลจาก NineEntertain