‘ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น’ ขอความเป็นธรรมย้ายคดีหวย 30 ล้านให้ดีเอสไอ ยันยังไม่สารภาพ

https://www.matichon.co.th/news/

วันที่ 22 มีนาคม 2561 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นคู่กรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมล อดีตข้าราชการตำรวจ ได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความ และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าขายลอตเตอรี่ หนึ่งในพยานปากเอกครูปรีชา ยื่นหนังสือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม โดยมี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษก ตร. เป็นผู้รับหนังสือแทน

นายปรีชากล่าวว่า วันนี้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร.ใช้สิทธิตามกฎหมาย ให้ ผบ.ตร.ทบทวนในการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน และขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงยุติธรรมให้ย้ายคดีไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่มาให้การต้อนรับอย่างดี

“ตอนนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนทั้งฝ่ายครูและฝ่าย ร.ต.ท.จรูญเรียบร้อยแล้ว แต่ในขบวนการสอบสวนนั้น ครูต้องใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะขอความเป็นธรรมให้มีการโอนย้ายคดีให้กับดีเอสไอ เพราะตรงนั้นจะเป็นหน่วยกลางที่ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะครูใช้สิทธิตามกฎหมายโดยสุจริต” นายปรีชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนอย่างไรถึงมองว่าไม่สุจริตและไม่เป็นธรรม นายปรีชากล่าวว่า การสอบสวนครั้งนี้จะเห็นว่าครูโดนคดีแจ้งความเท็จ ครูยังไม่ทราบเลยว่าตรงไหนคือการเป็นเท็จ และความจริงคืออะไร เพราะขณะนี้ศาลแพ่งมีการนัดไต่สวนพยาน ทั้งฝ่ายโจทก์คือครูเอง ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ ในการเป็นจำเลย เพื่อแสดงสิทธิการเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ 30 ล้าน งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ดังนั้น ในการแสดงสิทธิ หรือยื่นเพื่อเรียกร้องสิทธิว่าใครเป็นเจ้าของสิทธิหรือเจ้าของลอตเตอรี่ที่แท้จริง ศาลนัดไต่สวนในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2561 แต่ตอนนี้ครูถูกจับกุม ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงใครคือเจ้าของลอตเตอรี่

เมื่อถามว่า ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนประเด็นอะไร นายปรีชากล่าวว่า ในการสอบสวนครั้งนี้ของกองปราบฯ ได้นำตัวครูที่ถูกหมายจับและนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม และข่าวก็จะออกบ่อยๆ ว่าครูรับสารภาพแล้ว การรับสารภาพหมายความว่าอะไร หมายความว่าครูมีความผิดแล้วหรือ เพราะตอนนี้ศาลแพ่งยังไม่ได้ตัดสินเลยว่าใครเป็นเจ้าของสิทธิในลอตเตอรี่นั้น เพราะฉะนั้น ความจริงคืออะไร เลยมาร้องขอความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า มีการบังคับข่มขู่บีบคั้นให้รับสารภาพหรือไม่ นายปรีชากล่าวว่า มีการใช้คำพูดในการโน้มน้าว ชักจูง เชิญชวนให้รับสารภาพ แต่ไม่ได้บังคับ ครูก็ไม่ได้รับสารภาพ

เมื่อถามว่า ตั้งแต่นางสาวกนกพรรณ หมวกไสว หรือฟ้า ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหานำเข้าข้อมูลลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นายปรีชากล่าวว่า เดี๋ยวตามไปเยี่ยมหลังจากยื่นหนังสือเสร็จ ฟ้ามีเจตนาที่ดี เพราะมีหลายคนถามว่าฟ้าคือใคร เคยแจ้งไปแล้วว่าฟ้าเป็นเพื่อนของพี่สาวที่เป็นครูอยู่ใน กทม. ฟ้าก็จะไปเที่ยวกาญจนบุรีในช่วงวันหยุดบ้าง ปีใหม่บ้าง ก็ได้รู้จักกัน แต่ว่าฟ้าก็ออกมาในลักษณะของการให้ข่าวปกป้องครู เป็นสิ่งที่แสดงความกตัญญู เพราะพี่สาวได้เลี้ยงลูกให้กับฟ้า เนื่องจากฟ้าฝากลูกเอาไว้

“ส่วนจะมองว่าฟ้าถูกลูกหลงหรือไม่นั้น ก็มีส่วน แต่ว่าในความที่เราเป็นผู้มีคุณธรรม เราก็ไปเยี่ยมเขาตามหน้าที่พี่ที่มีต่อน้อง ส่วนจะหวั่นว่าคนอื่นจะโดนคล้ายกับฟ้าหรือไม่นั้น ไม่ได้หวั่น เพราะทุกคนต้องใช้สิทธิตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนข้อมูลที่ฟ้าเอามาเผยแพร่นั้น อาจจะเอามาจากสื่อมวลชน เพราะส่วนใหญ่จะลงข้อมูล เช่น ครูยังไม่ได้รับสารภาพเลย บอกว่าครูสารภาพแล้ว ส่วนกรณีนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน ที่ออกมาเคลื่อนไหว นายแผนก็จะมีทนายความของเขา ในฐานะที่เป็นชาวบ้านธรรมดา เขาก็มีความกลัว นายแผนเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรีเหมือนกัน แต่ไม่ได้รู้จักกัน เคยเจอกันตอนสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งแต่นายแผนออกมาเคลื่อนไหว ยังไม่ได้มีการพบเจอกันเลย แต่เห็นในข่าวว่าเขามาพักอยู่กับทนายความที่ กทม. และยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถึงแม้บ้านจะอยู่ใกล้เคียงกันเพียง 500 เมตร แต่เชื่อว่าเป็นความบังเอิญ“ นายปรีชากล่าว

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า เรื่องของคดีว่าไปตามพยานหลักฐาน ส่วนประเด็นที่มาร้องขอความเป็นธรรมจะรับเรื่องและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป