เดือด! ‘เล็ก คาราบาว’ ร่ายยาวแฉคนในวง ขว้างไมค์ เมาเละ เตะกับข้าวทีมงาน

https://www.matichon.co.th/news/

หลังจากที่ โพสต์รูปปริศนาให้แฟนเพลงตั้งข้อสงสัยไว้เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา “เล็ก คาราบาว” หรือปรีชา ชนะภัย นักร้องและนักดนตรีเพลงเพื่อชีวิต ก็ออกมาโพสต์ร่ายยาวถึงพฤติกรรมของสมาชิกร่วมวงคนหนึ่งที่ทำให้วงเสื่อมเสีย

โดยเมื่อวันที่ 22 ม.ค. เล็ก คาราบาวโพสต์ภาพหนึ่งและเปรยว่า “ท่านเห็นภาพนี้แล้วคิดว่ามันคืออะไร? เกิดอะไร? ทำไม? อย่างไร? พรุ่งนี้ห้าโมงเย็น มาฟังเล็ก คาราบาว พูดถึงคุณธรรมและความเมตตาที่คนอายุอย่างพวกเราควรมี” ซึ่งภายหลังมาเฉลยว่าภาพนั้นคือมอนิเตอร์ที่ถูกน้ำจิ้มซีฟู้ดราดรด

ต่อมา เวลา 17.00 น. วันที่ 23 ม.ค. เจ้าตัวได้โพสต์อธิบายพฤติกรรมเพื่อนร่วมวงคนหนึ่ง ดังนี้

“จะให้เรียกว่าอะไร?

เมื่อวานลงภาพปริศนาให้ท่านชม มีหลายท่านแสดงความคิดเห็นกันเข้ามา บางท่านพูดเรื่องความเมตตาและการให้อภัยซะยาวเหยียด และผมคิดว่ามีอีกมากมายที่สงสัยแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาได้แต่เก็บไว้ในใจรออ่านวันนี้

ภายใต้บุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี แถมเพลงที่ต้องร้องในแต่ละคืนก็มีอยู่แค่เพลงเดียวมาร่วมสามสิบปี แต่เนื่องจากเป็นเพลงที่มีเนื้อหาตลกน่ารักๆ จึงมีคนไม่น้อยที่เข้าใจอะไรแบบลวงๆผิดๆจากสิ่งที่เป็น

แต่เดี๋ยวนี้ใครทำอะไรแย่ๆไว้ ก็พึงระวังไว้ให้ดี ทุกวันนี้มีใครไม่มีกล้องบ้างล่ะ ผมจึงเชื่อว่าต้องมีวีดีโอคลิปเหตุการณ์นี้แน่ๆ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นบนเวทีขณะแสดง มันจึงเป็นจุดที่กล้องมากมายล้วนถ่ายกันขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีทั้งภาพนิ่งและวีดีโอครับ

เมื่อวาน ผมถามว่ามันคืออะไร? “มันคือน้ำจิ้มซีฟู้ด หนึ่งชามใหญ่ที่พ่อครัวเค้าปรุงไว้เสิร์ฟลูกค้า” นั่นหมายความว่า ค่ำคืนนั้นไม่มีน้ำจิ้มจะเสิร์ฟ เกิดอะไร? “มีนักดนตรีในวงจงใจเทราดใส่มอนิเตอร์” ทำไม? “โกรธที่ซาวด์เอ็นจิเนียร์ปรับเสียงให้ไม่ได้อย่างใจ” อย่างไร? อันนี้ต้องบอกว่า “อายุปูนนี้แล้วทำไปได้อย่างไร”

เพราะคนอายุแบบพวกเราต้องไม่ใช่แบบนี้ นั่นมันทำให้ต้องล้วงให้ลึกไปกว่าเหตุการณ์นี้ ซึ่งก็ไม่ยากเลยเพราะยังไม่ทันล้วงก็โผล่มาให้เห็นเพียบ

สองสามวันก่อน คนๆเดียวกันนี้ก็เพิ่งเอาไมค์ขว้างใส่ซาวด์เอ็นจิเนียร์ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี่แหละ เฮ้อออออออ! ซึ่งไมค์ที่ว่านี้ทำมาจากโลหะหนัก จึงเหมือนขว้างด้วยท่อนเหล็ก “นี่น้องเค้าเป็นพนักงานที่วงจ้างมานะ ไม่ใช่ข้าทาส เข้าใจไรผิดหรือป่าววววววว!”

ไหนล่ะ ความเมตตา ไหนล่ะการให้อภัยที่ผู้คนอยากเห็น ซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่ว่านี่น่ะ คนรุ่นลูกรุ่นหลานพวกเราเลยหละ อีกอย่าง น้องเค้าเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมากมาย แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเค้าต้องทำได้ ขอเพียงให้โอกาสเค้า และที่สำคัญ ผู้ใหญ่ควรมี “เมตตา”

ก็แปลกนะ ผู้ใหญ่ที่ว่า กลับเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีค่าใดๆในสายตาผมเลย เพราะนอกจากจะไม่เคยสร้างอะไรดีๆให้กับวงแล้ว ยังทำแต่เรื่อง”บัดซบ” แถมมาอยู่กับวงคาราบาวก็เพราะเห็นว่าวงดังแล้วจึงมา และทีแรกก็จะมาเพื่อทำหน้าที่แบบน้องที่เค้าขว้างไมค์ใส่ด้วยซ้ำไป (ถ้าท่านเคยอ่านประวัติเพลงจะพอทราบเรื่องราวอยู่บ้าง)

ที่จริงไม่อยากใช้คำรุนแรงแบบข้างบนนี้เลย แต่เดี๋ยวท่านลองฟังเรื่องที่คนๆนี้ทำเอาไว้แล้วท่านว่าควรใช้คำไหนแทนได้ล่ะ

ครั้งหนึ่งขณะผมกำลังร้องเพลงหลวงตา เสียงดนตรีหายไปพาร์ทนึง แต่กลับมีเสียงทุบโต๊ะโครมครามหลังเวทีแทน

ทะเลาะกับเมียทางโทรศัพท์น่ะ แต่มาระบายอารมณ์กับโต๊ะหลังเวทีขณะวงกำลังแสดง คนๆเดียวกันกับคนที่ขว้างไมค์นี่แหละ เรื่องทะเลาะกับเมียมันก็เรื่องส่วนตัวของเค้า แต่อย่าเสียงานดิ และอย่าทำร้ายวงด้วยการกระทำเยี่ยงนี้สิ

จะเห็นแก่การกินฟรี จะตะกละตะกลามขนาดไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัวอีกเช่นกัน แต่ถ้าเมาซะจนเล่นไม่ได้ต้องมานอนสลบบนโต๊ะในร้านที่แสดงขณะเพื่อนๆเค้าทำงานกัน อีกทั้งต้องให้คนอื่นทำหน้าที่ของตัวเองแทน จะให้เรียกว่าอย่างไรได้ล่ะ ช่วยหาคำที่เหมาะสมให้ผมหน่อยดิ อยากฟัง

ผมเชื่อว่าคนๆนี้ไม่มีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีดั่งคนปรกติ เพราะตั้งแต่ผมเห็นมา ไม่เคยเห็นคนๆนี้เสียใจหรือสำนึกผิดใดๆหลังจากที่ทำเรื่องแย่ๆเลย ยังคงทำเนียนๆเหมือนดั่งไม่เคยมีใดๆเกิดขึ้นทั้งนั้น

มีสิ่งแย่ๆมากมายที่คนๆนี้สร้างไว้ แต่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวไม่อยากเล่า แต่ถ้ากระเทือนหรือเกี่ยวกับวงและจะทำให้วงเสื่อมเสียคงทนต่อไปไม่ไหว

ทุกครั้งที่ผมจะเขียนเรื่องแนวๆนี้ ภรรยาผมจะห้ามทุกครั้งไป แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่ห้าม อันที่จริงเธอเป็นคนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ให้ผมทราบด้วยซ้ำไป เพราะผู้จัดการวงส่งทั้งรูปและเรื่องราวมาให้เธอ ซึ่งผู้จัดการวงแกให้ความเห็นแบบขำๆตามนิสัยของแกว่า “เพลงที่พี่แกร้องอยู่เพลงเดียวน่ะ ไม่เห็นต้องฟังมอนิต้งมอนิเตอร์เลย มันเป็นเพลงขำๆ ยิ่งเพี้ยนยิ่งมันด้วยซ้ำไป”

ผมเข้าใจทั้งผู้จัดการวงและภรรยานะ โดยเฉพาะภรรยาเธอสงสารน้องคนนี้น่ะ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผมพาเธอไปทุกที่ด้วย ทำให้เธอได้เห็นพฤติกรรมของทุกๆคน ไม่เพียงนักดนตรี แต่พนักงานทุกคนด้วย เธอเห็นใจน้องคนนี้น่ะครับ

ในสายตาของคนที่ไม่ใช่นักดนตรีอย่างภรรยาผมมองว่า หน้าที่ซาวด์เอ็นจิเนียร์บนเวทีหรือที่นักดนตรีเรียกหน้าที่นี้ว่า “มิกซ์มอนิเตอร์” นั้น เป็นหน้าที่ๆอาภัพและน่าเห็นใจมากๆ ใครๆมาทำก็อยู่ได้ไม่นาน และไม่ค่อยมีใครอยากทำ

ตั้งแต่เกิดมาท่านเคยใช้เท้าเตะสำรับกับข้าวของน้องๆซะกระจายบ้างไหม คนๆนี้ทำมาแล้ว เพราะโกรธที่จะชิมอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแต่ไม่มีช้อน เฮ้ออออออออ!

พนักงานเค้ากำลังเสิร์ฟอยู่ ตัวเองก็เล่นดนตรีอยู่บนเวทีแต่กลับทิ้งหน้าที่ลงมาทำเรื่องแบบนี้ได้ ทั้งๆที่อาหารที่ว่านี้ตัวเองก็ไม่ได้สั่งหรือเป็นของตัวเองทั้งนั้น น้องๆเค้าสั่งไว้และจะรีบๆกินตอนลูกพี่ทำงานนี่แหละ นี่ใช้อะไรคิดน่ะ และจะให้เรียกว่าอย่างไร

หลายปีมานี้ เวลาวงทำอัลบั้มใหม่ คนๆนี้ไม่เคยทำกับเค้าได้เลย เราต้องจ้างคนจากนอกวงมาทำหน้าที่แทนเค้าทุกครั้งไป นี่คงจะยืนยันให้เห็นถึงความสามารถทางดนตรีของเค้าที่มีให้กับวงแล้วหละ

ยังมีเรื่องแย่ๆอีกมากมายที่คนๆนี้สร้างไว้ และมีเรื่องดีๆอีกมากมายที่คนๆนี้ไม่ได้ร่วมทำไว้ แต่วันนี้ก็ยาวมากแล้ว จึงแค่อยากทิ้งท้ายว่า ควรเรียกสิ่งที่คนๆนี้ทำว่าอย่างไรดี สวัสดีครับ”