องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หรือ Transparency International ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า คนที่อาศัยอยู่ในเอเชียมากกว่า 1 ใน 3 หรือ หรือราว 900 ล้านคน ต้องจ่ายเงิน”ค่าน้ำร้อนน้ำชา”เพื่อเข้าถึงการให้บริการสาธารณะในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการสอบถามและเก็บสถิติจากผู้คนกว่า 20,000 คนใน 16 ประเทศ ในเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ปากีสถานถึงออสเตรเลีย

การจ่ายเงินสินบนพบมากที่สุดในอินเดียและเวียดนาม ซึ่ง 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างการศึกษาและสาธารณสุข ขณะที่ประเทศซึ่งพบการจ่ายสินบนน้อยที่สุดคือญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง

กลุ่มที่มีการเรียกร้องเงินสินบนมากที่สุดคือตำรวจ โดยผู้ตอบแบบสอบถามแค่ 1 ใน 3 ที่ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในปีที่ผ่านมาที่บอกว่าตนเองไม่ต้องจ่ายเงินสินบน ส่วนกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของการเรียกเงินสินบนมากที่สุดคือกลุ่มคนยากจนที่ราวร้อยละ 38 รับว่าเคยจ่ายเงินเช่นนี้ ขณะที่คนจนตกเป็นเป้าของการเรียกสินบนในอินเดีย ปากีสถาน และไทย ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มในประเทศอย่างเวียดนาม พม่า และกัมพูชา

อย่างไรก็ดีเมื่อสอบถามถึงความรับรู้เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น คนมาเลเซียและเวียดนามรู้สึกว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุด เพราะการทุจริตคอรัปชั่นได้แพร่กระจายไปทั่ว ทั้งยังเห็นว่ารัฐบาลแทบจะไม่ดำเนนการใดๆ ในการต่อสู้กับปัญหาดังกล่าวเลย

หลายประเทศในเอเชียเผชิญกับข่าวลือเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นของภาครัฐมากมาย ตั้งแต่กรณีของประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ ของเกาหลีใต้ ที่กำลังเผชิญหน้ากับกระบวนการถอดถอน กรณีของนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ต่อการทุจริตในกองทุน1เอ็มดีบี ไปจนถึงความร่ำรวยของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชาและเครือญาติ

ด้านรัฐบาลจีนได้เดินหน้ากวาดล้างการทุจริตคอรัปชั่นและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่นับล้านคนในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเวียดนามที่ได้จำคุกนักธุรกิจหลายรายในข้อหาจ่ายสินบนให้กับธุรกิจของรัฐ

ในส่วนของไทย แม้รัฐบาลทหารจะประกาศเดินหน้าต่อต้านการคอรัปชั่น แต่รายงานดังกล่าวระบุว่าจนถึงปัจจุบันยังมีการลงโทษผู้กระทำผิดน้อยมาก