https://www.matichon.co.th/news/
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในขณะนี้ เมื่อดูในรายละเอียดแล้ว พบว่าไม่ได้เกิดจากปัญหาเงินตราจากต่างชาติไหลเข้าไทยมากจนเกินไป แต่เกิดจากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ภาคท่องเที่ยวแข็งแรงนักท่องเที่ยวสูงขึ้น รวมถึงส่งออกกลับมาขยายตัว จนส่งผลให้ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันหลายเดือน ทำให้เงินตราในประเทศสูงขึ้น กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่ง ธปท.ยังติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามความผันผวนที่อาจเกิดจากนโยบายต่างประเทศ เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) และความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
นอกจากนี้ ธปท.ร่วมกับ 15 ธนาคารที่เป็นสมาชิกสมาคมธนาคารไทย และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. จัดตั้งศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) เพื่อเสริมสร้างให้ภาคสถาบันทางการเงินยกระดับความร่วมมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ให้สอดรับกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการทางการเงินอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมใน 4 มิติ ได้แก่ 1.เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์และแนวทางการแก้ไขตามแนวทางสากล 2.สร้างมาตรฐานกลางด้านความมั่นคงปลอดภัยของการใช้เทคโนโลยีใหม่ อาทิ คราวด์ คอมพิวติ้ง 3.กำหนดกระบวนการรับมือภัยไซเบอร์ในภาคธนาคารและจัดซ้อมรับมือร่วมกัน 4.ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
“จากข้อมูลสภาเศรษฐกิจโลก พบว่า ความรุนแรงในการโจมตีทางไซเบอร์ของโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง เมื่อ 10 ปีก่อนมีการโจมตีทางไซเบอร์เพียง 25 ครั้ง/วัน แต่ปี 2559 เพิ่มถึง 300 ครั้ง/นาที ภัยทางไซเบอร์จึงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพื่อป้องกันภัยจะเกิดขึ้นในอนาคต” นายวิรไทกล่าว