- ภาพ
ไป่ตู้ แอคเซส ที่ปรึกษาทางการตลาดจีนครบวงจรในประเทศไทย เผยสถิติเทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศไทยของชาวจีนเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการทำการตลาด และแนวทางเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการณ์ไทยเพื่อเตรียมรับมือกำลังซื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน
พัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์ ไป่ตู้ ประเทศไทย เปิดเผยว่าภาพรวมการท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีน ในปี 2559 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยจำนวน 8,221,916 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 29,530,503 คน เติบโต 12.5% จากปี 2558
สาเหตุหลักที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีนไม่คึกคักเท่ากับปี 2558 ที่เติบโต 57% เนื่องจากการกวาดล้างทัวร์ผิดกฎหมาย และบรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยเริ่มคล้ายคลึงกับประเทศอื่นๆ ทำให้สามารถดึงดูดนักทองเที่ยวได้น้อยลง
นอกจากนี้ไป่ตู้ แอคเซส ยังได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับสถิตินักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยโดยแบ่งตาม อายุ, รายได้, เพศ และเมืองต้นทางที่นักท่องเที่ยวมาอีกด้วย โดยชาวจีนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่มากกว่า 55% มีรายได้สูงมากกว่า 1,000,000 บาทต่อปี และการใช้จ่ายใช้สอยของเพศชายมีมากกว่าเพศหญิงอยู่ที่ประมาณ 66% ต่อ 34% นักท่องเที่ยวสามอันดับแรกมาจากมณฑลกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง
สิ่งที่น่าจับตามองคือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนประเภท FIT (Free Independent Traveler) หรือนักท่องเที่ยวที่วางแผนการท่องเที่ยวด้วยตัวเองเพิ่มขึ้น โดย 74% ของกลุ่มที่เคยมาเที่ยวเมืองไทยกับทัวร์มีความคิดว่าจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยด้วยตัวเองอีกครั้ง การค้นหาข้อมูลของนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่อาศัยข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อวางแผนการเดินทางมาล่วงหน้า ทั้งเรื่องโรงแรมที่พัก แหล่งช้อปปิ้ง สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหาร
แม้ว่าปี 2560 แนวโน้มของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะมีจำนวนลดลง แต่เป็นจำนวนที่มีคุณภาพ หมายถึง เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ธุรกิจของไทยที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นฐานลูกค้ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
ทั้งนี้ ไป่ตู้ แอคเซสให้คำแนะนำว่า ผู้ประกอบการไทยควรทำการตลาดกับนักท่องเที่ยวจีนให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน ผ่านเครื่องมือการตลาดต่างๆ เช่น การเขียนแนะนำสินค้า และบริการลงในเว็บไซต์หัวใหญ่อย่าง Xinhua หรือใช้ Key Opinion Leader ที่มีผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ รวมถึงการเปิดบัญชีในโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนอย่าง WeChat และ Weibo เป็นต้น