https://www.matichon.co.th/news/
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กระแสเงินจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เข้ามาช่วงนี้ ตอบได้ยากว่าเป็นเงินร้อนหรือไม่ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฟันด์โฟลว์เข้ามาเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเข้ามาทางหลากหลายโบรกเกอร์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทย 14,000 ล้านบาท เฉพาะเดือนกันยายนมีมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท อัตราการหมุนเวียนของหุ้นต่อมาร์เก็ตแคปถือว่าอยู่ในระดับไม่น่ากังวล ประมาณ 60% เท่านั้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่ตลาดร้อนแรงเคยสูงถึง 90-100%
สำหรับแผนการพัฒนาตลาดทุนที่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นแผนการทำงานปี 2560-64 ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขนาดมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแค็ป) เป็น 150% ของจีดีพี หรือประมาณ 20 ล้านล้านบาท จากปัจจุบัน 120% ของจีดีพี หรือประมาณ 16 ล้านล้านบาท ซึ่งแต่ละปีจะมีมาร์เก็ตแค็ปใหม่ประมาณ500,000 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ)และการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้มีแผนพัฒนาไลฟ์แพลตฟอร์ม สนับสนุนสตาร์ตอัพและผู้ประกอบเอสเอ็มอี เพื่ออำนวยความสะดวกการแข่งขันและแหล่งเงินทุน รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนให้แข็งแกร่ง และส่วนแผนเชื่อมโยงขณะอยู่ระหว่างเจรจากับทางรัฐบาลลาวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ในลักษณะการเข้ามาระดมทุนในไทย นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษาการจับคู่ตลาดหุ้นในภูมิภาค เพื่อสร้างการเชื่อมโยง โดยคาดว่าจะเห็นโครงการเป็นรูปธรรมในปี 2561
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า เงินจากต่างชาติที่เข้ามาตอนนี้ไม่ใช่ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่อย่างแน่นอน แม้ดัชนีตลาดหุ้นช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะขึ้นเร็ว แต่เป็นลักษณะการไล่ตามตลาดหุ้นอื่น รวมถึงสภาพคล่องในตลาดมีมาก โดยปีนี้ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้น 15% ส่วนตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น)ปรับเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ไทยเพิ่มขึ้น2 % ตั้งแต่ช่วงต้นปี และมองว่าฟันด์โฟลว์ที่เข้ามาไม่ใช่เงินร้อน ปัจจุบันแยกเงินร้อนหรือเงินไม่ร้อนได้ยาก หากมองจากปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานพบว่าตลาดหุ้นไทยขึ้นอย่างสมเหตุสมผล โดยปีนี้ตั้งเป้าดัชนีหุ้น 1,660 จุด ปีหน้าตั้งเป้าที่ระดับ 1,720 จุด