https://www.matichon.co.th/news/
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้ลงนามในค่ำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานประสานการแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ของกระทรวงทรัพยากรฯ จ.น่าน จำนวน 18 คน มีนายประลอง ดำรงค์ไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นประธาน มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นรองประธาน ส่วนคณะทำงานประกอบด้วยนายเฉลิมชัย ปาปะทา รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมป่าไม้ ผอ.กองนิติการ กรมอุทยานฯ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมป่าไม้ ผอ.สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานฯ ผอ.ส่วนจัดการที่ดินและชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ กรมอุทยานฯ ผอ.ส่วนอนุญาติใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ สำนักการอนุญาต กรมป่าไม้ เป็นต้น โดยคณะทำงานมีหน้าที่รวบรวม ศึกษา ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลที่ดินป่าไม้เสื่อมสภาพในท้องที่ จ.น่าน ประสานงานและดำเนินการร่วมกับจังหวัดน่านและหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ เป็นต้น
นายประลอง กล่าวว่า คณะทำงานที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเขาหัวโล้นใน จ.น่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของประเทศที่ขณะนี้สถานการณ์ยังคงทรงตัว ปัญหาการบุกรุกน้อยลง เนื่องจากกรมป่าไม้ มีการจัดตั้งฐานปฎิบัติการในพื้นที่เขาหัวโล้นใน 15 อำเภอของ จ.น่าน ที่สำคัญ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ ได้สั่งการให้มีการนำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรมในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 3,4,5 นำมาจัดสรรให้ราษฎร์ทำกินเพื่อไม่ให้ไปบุกรุกเขาหัวโล้นเพิ่มและให้ราษฎร์ที่อยู่บนพื้นที่สูงลุ่มน้ำชั้น 1,2 ได้มาทำกินในพื้นที่ใหม่ที่จัดสรรไว้ให้ และจะต้องการปรับเปลี่ยนชนิดพืชทางการเกษตร จากที่เคยปลูกข้าวโพด เป็นชนิดอื่นที่มีตลาดรองรับ โดยขณะนี้มีการจัดหาพื้นที่ป่าสงวนฯ ใน จ.น่าน ที่เป็นพื้นที่ก่อนมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย.2541 จำนวน 240,000 ไร่มาจัดสรร ส่วนกลุ่มราษฎร์ที่ปลูกข้าวโพดมีประมาณ 28,000 ครัวเรือน
เมื่อถามว่าทำไมไม่มีการแต่งตั้งอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานแก้ปัญหาเขาหัวโล้นใน จ.น่าน เพราะรับผิดชอบโดยตรง นายประลอง กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ที่อาจจะเห็นว่าอธิบดีกรมป่าไม้มีงานล้นมืออยู่แล้ว และการแก้ปัญหาเขาหัวโล้น จ.น่าน จะต้องใช้เวลาพอสมควร เมื่อถามอีกว่า การสั่งงานจะมีปัญหาหรือไม่ นายประลอง กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนเคยเป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้มาแล้ว
ด้านนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ถูก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส.ตำหนิกรณีไม่รายงานผู้บังคับบัญชา เรื่องการก่อสร้างสนามบิน จ.พังงา ว่า สิ่งที่ รัฐมนตรีทส. เขียนตำหนิมานั้น คิดว่าเป็นเพียงคำแนะนำที่ผู้บังคับบัญชาบอกกับลูกน้อง ตนไม่ได้รู้สึกโกรธหรือน้อยใจอะไรเลย เพราะผู้บังคับบัญชาก็มีทั้งคำตำหนิและคำชมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ กรมป่าไม้ ฟังและทำตามนโยบายของ รัฐมนตรี ทส.และรัฐบาลเสมอมา ขอชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรศักดิ์ ให้นโยบายเสมอว่า การจะทำอะไรจะต้องพิจารณาเรื่องให้ดีให้รอบคอบ ซึ่งคำว่ารอบคอบก็หมายถึงทำตามขั้นตอนให้ถูกต้องนั่นเอง กรณีของการขออนุญาตสร้างสนามบิน ที่ จ.พังงา ของบริษัทบางกอกแอร์เวย์ จำกัดนั้น เสนอเรื่องมาที่กรมป่าไม้ตั้งแต่เดือน เม.ย.2559 ต่อมาปลายเดือน ต.ค.กรมป่าไม้ทำหนังสือถามกลับไปที่ผู้ว่าราชการ จ.พังงา 2 – 3 เรื่องรวมทั้งเรื่องการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และล่าสุดกรมป่าไม้ก็ได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการ จ.พังงา อีกรอบ เรื่องการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ ในหลักการแล้ว กรมป่าไม้ยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนที่ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างสนามบินพังงาเลย เพราะมีหลายขั้นตอน
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าจะโดนปลดจากตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ ตอบว่า ไม่ขอตอบ