เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะกรรมการบริหารโครงกาจัดหาเรือดำน้ำเปิดเผยถึงกรณีนายปรีชา สุวรรณฑัต ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงินการคลังชี้ถึงการลงนามในสัญญาระหว่างไทยกับจีนในการจัดสร้างเรือดำน้ำจีน S26T เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาขัดรัฐธรรมนูญส่งผลให้สัญญาฉบับดังกล่าวโมฆะว่า กองทัพเรือได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าร่างสัญญาดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ก่อนหน้าที่คณะของกองทัพเรือจะเดินทางไปลงนามได้มีการสอบถามข้อกฎหมายอย่างละเอียดจาก สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับการยืนยันว่า การไปลงนามนั้นถูกต้องตามกฎหมายไม่ต้องนำเข้าสู่ความเห็นชอบของสภาฯเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอธิปไตยของดินแดนและไม่เข้าข่ายเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการผูกพันงบประมาณในวงเงินจำนวนมาก
“มีหนังสือจากทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่า การซื้อยุทโธปกรณ์ดังกล่าว มีลักษณะในการจัดหาทางการค้าและ ไม่ได้มีผลกระทบในเรื่องของงบประมาณโดยภาพรวม เพราะอย่างที่มีการชี้แจงว่า เป็นการผูกพันฯบริหารจัดการงบประมาณของกองทัพเรือเอง “ แหล่งข่าว ระบุ
ส่วนข้อสังเกตที่ว่าต้องผ่านคณะรัฐมนตรี 60 วันก่อนที่จะไปลงนามกับคู่สัญญานั้น แหล่งข่างจากกองทัพเรือระบุว่า ในข้อเท็จจริงโครงการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นของจากครม.ไปแล้วหนึ่งครั้ง ในประเด็นของกรอบการผูกพันงบประมาณข้ามปี เมื่อวันที่ 25 ต.ค.59 หลายหน่วยงานให้ความเห็นมาแล้วตั้งแต่วันนั้น จากนั้นในวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพราะเป็นโครงการที่งบประมาณเกินกว่า 1,000 ล้านบาท อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้มีนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการตามระเบียบการยกเว้นว่าด้วยการพัสดุภัณฑ์ซึ่งได้รับความเห็นชอบในเรื่องของการจัดหาด้วยเช่นกัน
“ดังนั้นยืนยันว่าไม่โมฆะเพราะมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน ในเรื่องข้อสงสัยในแง่มุมกฎหมาย และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ได้มาตรวจซ้ำและวันที่ 11 พ.ค.นี้ทางกองทัพเรือก็จะรวบรวมเอกสารในขั้นตอนสุดท้ายและคงจะได้ผลสรุปในวันเดียวกัน“แหล่งข่าวระบุ