https://www.matichon.co.th/foreign/news_
ความหวั่นวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของอิตาลี หลังประธานาธิบดีแซร์โจ แม็ตตาเรลลา ของอิตาลี ประกาศแต่งตั้งนายคาร์โล คอตตาเรลลี อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว โดยจะให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในปลายปีนี้ ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกว่าอาจเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนอิตาลีจะออกมาแสดงประชามติว่าต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปต่อไปอีกหรือไม่ ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในยุโรปที่พากันปิดตัวอยู่ในแดนลบก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับค่าเงินยูโรที่ลดลงต่ำสุดในรอบหกเดือน
ดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐลดลง 1.6% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พีปรับลดลง 1.2% ส่วนตลาดหลักทรัพย์อิตาลีปิดในแดนลบ 2.7% เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์หลักๆ ในยุโรปทั้งหมดที่ปิดลดลงมากกว่า 1%
นอกจากนี้ ยังมีการเทขายพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีระยะสั้นทะลุ 2% ซึ่งถือเป็นการเทขายที่มากที่สุดในรอบ 26 ปี และยังส่งผลกระทบกับค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินของรัฐบาลอิตาลี ซึ่งปัจจุบันมีหนี้สินสูงถึง 130% เมื่อเทียบกับผลผลิตทางเศรษฐกิจในประเทศ
นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองอิตาลีเลวร้ายลงก็จะส่งผลกระทบระยะยาวมายังสหรัฐผ่านค่าเงินดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้น บวกกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุโรปที่ลดลง
ขณะที่มีรายงานด้วยว่า ประธานาธิบดีแม็ตตาเรลลาอาจจะประกาศยุบสภาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 29 กรกฎาคม โดยข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีคอตตาเรลลีได้พบปะกับประธานาธิบดีแม็ตตาเรลลา เมื่อบ่ายวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะออกไปโดยไม่มีการเปิดแถลงใดๆ ทั้งที่เดิมมีการคาดหมายว่าจะมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีอิตาลีชุดใหม่หลังการหารือดังกล่าว