https://www.matichon.co.th/news/
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หนึ่งในอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวหลังงานแถลงข่าวฟุตบอล “ไทยลีก 2018” ที่ กกท. หัวหมาก เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ว่า รู้จักนายกำพลมากว่า 20 ปี จากการแนะนำของเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการพระเครื่อง ก็คบหาเป็นเพื่อนกันมา วันที่ผมจัดงานวันเกิดหาเงินไปสร้างโรงพยาบาลที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกำพลก็มาบริจาคเงิน 5 ล้าน จัดงานประกวดพระเพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้นายกำพลก็มาประมูลพระกลับไปในราคา 30 ล้านบาท เป็นสิ่งที่นายกำพลร่วมกิจกรรมการกุศลกับตนมา การคบกันเป็นเพื่อนแน่นอนมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตนเคยเดือดร้อนก็เคยไปขอความช่วยเหลือจากนายกำพลหลายครั้ง นายกำพลเคยให้ความช่วยเหลือในเรื่องการเงินแก่ตน 3-4 ครั้ง รวมแล้วก็เป็นเงินที่ปรากฏตามข่าว 300 กว่าล้าน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า การช่วยเหลือด้านการเงินครั้งนั้น นายกำพลโอนเงินผ่านทางธนาคารเข้าระบบธุรกรรมการเงินอย่างชัดเจน จึงมีเส้นทางการเงินปรากฏว่า นายกำพลโอนเงินมาให้ตน แต่ในปีเดียวกันนายกำพลมาขอเงินคืน ตนก็ได้มีการคืนเงินให้นายกำพลเรียบร้อยผ่านระบบธุรกรรมการเงินของธนาคาร ที่สำคัญเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน หรือการโอนเงินในระบบของธนาคาร ตนได้รายงานให้ ปปช. เรียบร้อยแล้วเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นแล้วธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับนายกำพล มีจริง แต่ผ่านระบบต่างๆ ตามกฎหมาย มีสัญญาถูกต้อง มีการโอนเงิน ใช้เงินชดใช้หนี้สินกันเรียบร้อย
“ไม่มีเหตุจำเป็นที่ผมต้องปกปิด เพราะผมไม่ได้คิดว่าเงินจำนวนนี้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าสังคมหรือใครก็ตามที่ยังสงสัยว่า เงินที่มาให้ผมยืม หรือมาช่วยเหลือคนก็ดี เป็นเงินที่มาจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย อันนี้ต้องไปถามคุณกำพลว่าเขาไปเอาเงินที่ไหนมาให้ผมยืม ผมตอบไม่ได้ เพราะว่าผมไปยืมเงินใคร ผมคงไม่กล้าไปถามเขาว่า เงินที่คุณเอามาให้ผมยืมคุณไปปล้นเขามาหรือเปล่า หรือคุณไปค้ายาเสพติดมาหรือเปล่า ยืมก็คือยืม ช่วยก็คือช่วย ช่วยแล้วไม่ได้หายไปไหน เงินก็เอากลับไปคืน การโอนเงิน การโยกย้ายเงิน อยู่ในระบบของธนาคาร ตรวจสอบได้ เรื่องนี้ผมยินดี พร้อม และเต็มใจที่จะชี้แจงกับหน่วยงานใดๆ ที่อยากจะสอบถามเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าวถ้าได้รับการติดต่อประสานเข้ามา ซึ่งผมได้เตรียมเอกสารต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้คงไม่ยากเพราะเอกสารต่างๆ ที่ผมมีอยู่ก็คือ ก็อปปี้เดียวกับที่มีอยู่ที่ ปปช. มันเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่สุจริตว่าเงินจำนวนนี้ได้มาแล้วก็คืนกลับไป ถ้าผมมีเจตนาทุจริตหรือจะปิดบังซ่อนเร้นช่วยเหลือคุณกำพลในทางที่ผิดกฎหมาย ผมให้นายกำพลหอบเงินสดมาให้ไม่ดีกว่าหรือ และโอนเป็นชื่อของผมอีกด้วย ผมคงไม่คิดสั้นขนาดนั้น” อดีต ผบ.ตร. กล่าว