https://hilight.kapook.com/
โตเกียวอ่วม หิมะตกหนักสุดในรอบ 4 ปี กระทบระบบขนส่ง ถนนถูกปิดหลายเส้นทาง ยกเลิกรถไฟบางสาย และยกเลิกกว่า 300 เที่ยวบิน
วันที่ 22 มกราคม 2561 เว็บไซต์เจแปนทูเดย์ มีรายงานว่า กรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น มีอันต้องเผชิญช่วงเวลาที่หิมะตกหนักที่สุดในรอบ 4 ปี ส่งผลกระทบต่อระบบขนส่งทั่วทั้งเมือง โดยมีถนนบางเส้นทางที่ถูกปิด รถไฟระงับการให้บริการหลายเส้นทาง และมีเหตุดีเลย์ ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างจำนวนมากจนต้องหันหน้าพึ่งรถเมล์โดยสารและแท็กซี่ แต่ด้วยการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัดและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั่วเมือง ก็ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ภาพจาก TOSHIFUMI KITAMURA / AFP
รายงานเผยว่า หิมะเริ่มตกในกรุงโตเกียวในช่วงสายของวัน ทำให้มีหิมะกองสุมกันบนถนนและทางเท้าหนาถึง 23 เซนติเมตร ขณะที่ทางตำรวจยืนยันว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นถึง 660 ครั้งบนท้องถนน ซึ่งส่วนมากคาดว่ามีสาเหตุมาจากหิมะ
ด้วยสภาพหิมะตกหนัก ทำให้มีรถจำนวนหนึ่งที่ต้องทนติดอยู่ในอุโมงค์นานถึง 10 ชั่วโมง ถนนรอบ ๆ ตัวเมืองถูกปิดเส้นทาง แม้แต่รถไฟชินคังเซ็นเองก็ยังต้องชะลอความเร็วในการวิ่งเพื่อความปลอดภัย
นอกจากการสัญจรทางถนน แม้แต่การเดินทางโดยเครื่องบินก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส, ออล นิปปอน แอร์เวย์ส รวมถึงสายการบินอื่น ๆ ได้ยกเลิกเที่ยวบินในประเทศกว่า 300 เที่ยวบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มีจุดหมายหรือต้นทางที่สนามบินฮาเนดะ ส่งผลให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ที่สนามบินจำนวนมาก
ภาพจาก BEHROUZ MEHRI / AFP
ขณะที่ภายในเฟซบุ๊ก ธนากร ใจสุขสกุลดี ซึ่งเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ก็ได้เผยถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์หิมะตกหนักสุดในรอบ 4 ปีของโตเกียว โดยชี้ว่าทั้งบนทางด่วน ทางหลวงเชื่อมระหว่างเมืองต่างก็ติดแหง็กไปตาม ๆ กัน เกิดอุบัติเหตุทางรถหลายเคส ถนนที่เต็มไปด้วยหิมะทำให้ทั้งแท็กซี่และรถเมล์วิ่งได้ด้วยความเร็วพอ ๆ กับเต่า ทำให้มีคนติดค้างอยู่ที่ป้ายรถจำนวนมาก ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวติดลบ
รถไฟหลายสายต้องหยุดเดินรถหรือเกิดความล่าช้า ส่วนสถานีรถไฟในเขตเมืองหลวงอย่างที่ชิบุย่า ต้องประกาศปิดไม่ให้คนเข้าไปบริเวณชานชาลา เนื่องจากคนแน่นมากจนแทบไม่มีที่ยืน หากปล่อยให้มีคนทะลักเข้าไปอาจเบียดกันจนตกรางรถไฟได้ ซึ่งในสถานการณ์นี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต่างก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ภาพจาก BEHROUZ MEHRI / AFP
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ธนากร ใจสุขสกุลดี
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก reuters.com, japantimes.co.jp, เฟซบุ๊ก ธนากร ใจสุขสกุลดี