กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับ เคยตั้งโครงการลับ ๆ ตามหามนุษย์ต่างดาว-ยูเอฟโอ ทุ่มงบประมาณค้นคว้า กว่า 651 ล้านบาท สุดท้ายพับโครงการเก็บเข้าตู้ หลังนักวิทยาศาสตร์หามนุษย์ต่างดาวไม่เจอ 

หลังจากที่มีกระแสข่าวลือออกมาเป็นระยะ ๆ ว่า กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ได้จัดตั้งโครงการลับ ๆ ขึ้นเพื่อค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวและตามหายานยูเอฟโอ (UFO) ข่าวลือเหล่านี้อาจจะเป็นแค่เรื่องลอย ๆ เหมือนกับทฤษฎีสมคบคิดทั่ว ๆ ไป แต่ล่าสุด ทางกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ข่าวลือดังกล่าวเป็นเรื่องจริง มันเป็นโครงการลับสุดยอด และมีการทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อการนี้

โดยจากการรายงานของสำนักข่าวบีบีซี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2560 ระบุว่า โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า The Advanced Aerospace Threat Identification Programme ก่อตั้งโดย นายแฮร์รี่ รีด อดีตวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต โดยมันเป็นโครงการเล็ก ๆ เริ่มปฏิบัติการในปี 2550 ซึ่งหลังจากดำเนินการมา 5 ปี หมดเงินในการค้นคว้าประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 651 ล้านบาท นักวิทยาศาสตร์ก็ตระหนักได้ว่า ปรากฏการณ์แปลก ๆ ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้นั้น มันไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง โครงการจึงถูกพับทิ้งไป เพื่อไม่ให้งบประมาณสูญเปล่าไปมากกว่านี้

แฮร์รี่ รีด (คนกลาง สวมแว่นดำ) ผู้ก่อตั้งโครงการตามล่าหามนุษย์ต่างดาว

แฮร์รี่ รีด กล่าวถึงโครงการที่ล้มเหลวของเขาว่า เขาไม่ได้รู้สึกอับอายขายหน้า ละอายใจ หรือเสียใจที่ได้ริเริ่มโครงการนั้นขึ้นมา เพราะเขาได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะยังตามหามนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโอไม่พบ แต่เขาก็มีข้อมูลหลักฐานมากมาย

 “ตอนนี้เรายังไม่รู้ความจริง แต่เราก็มีหลักฐานต่าง ๆ มากมายมาสนับสนุนการตั้งข้อสงสัยของเรา มันเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และความั่นคงของชาติ ถ้าอเมริกาไม่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านการค้นคว้าเรื่องนี้ ประเทศอื่น ๆ ก็จะลุกขึ้นมาทำแทน” แฮร์รี่ รีด กล่าว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าโครงการจะถูกปิดลงไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงเดินหน้าค้นหาร่องรอยของยูเอฟโอต่อไป จากปรากฏการณ์แปลก ๆ เหนือธรรมชาติต่าง ๆ ควบคู่ไปกับงานประจำวันที่ได้รับมอบหมาย ว่างเมื่อไรก็ลุยหามนุษย์ต่างดาวต่อไปทันที

อย่างไรก็ตาม อดีตเจ้าหน้าที่สภาคองเกรสรายหนึ่งกล่าวว่า โครงการที่ว่านั้น จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ได้มีขึ้นเพื่อค้นหามนุษย์ต่างดาว แต่อาจจะมีขึ้นเพื่อสอดส่องเทคโนโลยีของประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่งของสหรัฐฯ อย่างเช่น รัสเซีย และ จีน ก็เป็นได้

ภาพจาก BRENDAN SMIALOWSKI / AFP