ก.ต่างประเทศเตือนคนไทยในอิสราเอลเลี่ยงที่ชุมนุม เหตุประท้วงต้าน”ทรัมป์”ลาม

https://www.matichon.co.th/news/

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ในนครเยรูซาเลมและบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 6 ธันวาคม ได้มีเหตุการณ์ประท้วงตามชุมชนชาวปาเลสไตน์ในนครเยรูซาเลมรวมทั้งบริเวณสถานที่สำคัญ ได้แก่เมืองเบธเลเฮมและเมืองรามาร่าในเขตเวสต์แบงค์ และเมืองกาซ่าในเขตกาซ่า สืบเนื่องจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้มีประกาศเกี่ยวกับสถานะของนครเยรูซาเลม ทำให้มีกลุ่มที่เกี่ยวข้องออกมาแสดงความไม่พอใจและก่อเหตุประท้วงที่มีความรุนแรงในช่วงระยะนี้ ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์จะมีความต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 8 ธันวาคม

น.ส.บุษฎีกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตได้แจ้งให้คนไทยอิสราเอลโดยเฉพาะในนครเยรูซาเลมและบริเวณใกล้เคียงติดตามข่าวสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่น และขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะที่มีผู้ชุมนุมหนาแน่นด้วย

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเหตุปะทะกันที่เกิดขึ้นในบริเวณฉนวนกาซ่าและเขตเวสต์แบงค์ได้ทำให้ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 31 คนได้รับบาดเจ็บ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหนึ่งราย ขณะที่ทางการอิสราเอลได้เพิ่มกำลังทหารพิเศษเข้าไปยังเขตเวสต์แบงค์อีกหลายร้อยนาย เนื่องจากมีชาวปาเลสไตน์จำนวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงบนท้องถนน

กลุ่มผู้ประท้วงชาวปาเลสไต์ได้จุดไฟเผายางและขว้างปาก้อนหินใส่ทหาร ซึ่งยิงตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนยางรวมถึงกระสุนจริง ทางการอิสราเอลระบุด้วยว่าปาเลสไตน์ได้ยิงจรวดมาจากฉนวนกาซ่า ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นทางตอนใต้ของอิสราเอล ทำให้รถถังและเครื่องบินของอิสราเอลทำการโจมตีกลับ

ทั้งนี้ชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐต่างไม่เห็นด้วยกับการประกาศรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะทำให้เกิดเหตุรุนแรงรอบใหม่ขึ้นในพื้นที่ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและสันนิบาตอาหรับมีกำหนดจะหารือกันในไม่กี่วันข้างหน้าถึงเรื่องดังกล่าว