https://www.matichon.co.th/news/
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐออกมาตำหนิสำนักงานสอบสวนกลาง(เอฟบีไอ) ในความพยายามที่จะสอบสวนตามข้อกล่าวหาว่าทางการรัสเซียได้เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมาจริงหรือไม่ โดยเขาได้ย้ำว่าตนเองไม่ได้ร้องขอนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ ให้ยุติการสอบสวนเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลแต่อย่างใด
“ผมไม่เคยขอโคมีย์ให้ยุตติการสอบสวนฟลินน์ นี่เป็นแค่ข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาจากการโกหกของโคมีย์อีกข่าวหนึ่งเท่านั้น”ทรัมป์ทวีต
ทั้งนี้ฟลินน์เพิ่งสารภาพต่อศาลว่าตนเองได้ให้การเท็จกับเอฟบีไอเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในการให้ปากคำเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และพร้อมให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทำให้เขาได้รับการลดโทษและทำให้ผู้คนเชื่อว่าฟลินน์น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าใครเป็นคนสั่งการให้ฟลินน์พบกับเอกอัครราชทูตรัสเซียในเวลานั้น ขณะที่ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในวันต่อมาระบุว่าการติดต่อกับรัสเซียของฟลินน์เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฏหมาย และเหตุที่ต้องปลดฟลินน์ออกจากตำแหน่งเพราะเขาพูดโกหก จนทำให้ทรัมป์โดนถล่มอย่างหนักว่ารู้มาตลอดว่าฟลินน์ให้การเท็จ
กระทั่งทนายความประจำตัวของทรัมป์ต้องออกมารับว่าตนเองเป็นผู้ทวีตข้อความดังกล่าวภายใต้ชื่อของประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นเพียงการกระทำเพื่อลดแรงกดดันและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ทรัมป์กำลังเจอ จนทรัมป์ได้ออกมาทวีตข้อความล่าสุดโจมตีเอฟบีไออีกครั้งหนึ่ง
ทรัมป์ได้ย้ำว่าทีมงานของเขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียเพื่อให้เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งตามที่มีข้อกล่าวหา พร้อมกับระบุว่าตลอดเวลาที่โคมีย์ทำหน้าที่ผู้นำเอฟบีไอ ได้ทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรเละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ทรัมป์จะนำเอาความยิ่งใหญ่ของเอฟบีไอกลับคืนมา พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังได้ทวีตโจมตีนางฮิลลารี คลินตันอีกครั้ง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ามีการใช้อีเมลส่วนตัวในกิจการของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเอฟบีไอก็ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่กลับไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ ต่อฮิลารีและทีมงาน
ทั้งนี้โคมีย์ได้เคยให้ข้อมูลว่าเพียงหนึ่งวันหลังจากที่มีการปลดฟลินน์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอได้พบกับทรัมป์เป็นการส่วนตัว ซึ่งทรัมป์ได้ขอให้เขาแสดงความจงรักภักดีด้วยการปล่อยเรื่องของฟลินน์ให้ผ่านไป และโคมีย์ได้แชร์ข้อมูลดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่อาวุโสในเอฟบีไอรับทราบ ก่อนที่ทรัมป์จะสั่งปลดโคมีย์ออกจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม